THE X – Unit 15
ร่างหนาที่ออกแรงขยับจังหวะอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของไฟหรี่สีส้มภายในห้องพร้อมกับร่างข้างใต้ที่แสนเย้ายวนกับกิจกรรมที่มีไว้สำหรับปลดปล่อย สองร่างเต็มไปด้วยเหงื่อที่โทรมกายและเสียงประสานรับกันราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่สองคน ไม่นานนักเสียงแหบพร่าที่ครางสะท้านก็เงียบลงก่อนที่จะจบลงด้วยเสียงประตูที่ปิดลงสนิทหลังจากเสียงอันวาบหวามหายไปไม่ถึงยี่สิบนาที
ร่างกำยำพาตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตัวเองบ้าง มือหนาลูบหยดน้ำที่พราวเต็มตัวไปเรื่อยๆ โดยย้ำแต่ละสัมผัสอย่างครุ่นคิด เขาก็แค่มีอะไรกันตามปกติทว่าสมองมันกลับคิดถึงอีกคนอยู่ตลอดเวลาจนน่าหงุดหงิด
ผ้าเช็ดตัวผืนหนายังพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ส่วนมือที่ว่างยังคงใช้ผ้าผืนเล็กซับผมที่ยังเปียกหมาดไปด้วยพลางเอื้อมอีกมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดรูปที่เขาเพิ่ฟฟฟงถ่ายเมื่อวานมาดูก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทั้งที่ผมยังไม่แห้งดีโดยที่ใช้ผ้ารองหมอนเอาไว้แถมยังไม่ได้แต่งตัวจะมีก็เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดิมห่อหุ้มร่างกาย
“ทำขนาดนี้ยังลืมไม่ได้เลย บ้าจริง!”
มือหนาวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัวก่อนจะหลับตาลงเพราะอยู่ๆ หนังตาก็หนักขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เพียงไม่นานเจ้าตัวก็เข้าสู่ห้วงนิทราลงไป
สัมผัสจากผ้าเย็นๆ ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมานิดหน่อย นึกโมโหอยุ่เหมือนกันที่มีคนมากวนยามที่กำลังนอนสบายแต่อาการปวดตุบบวกกับน้ำหนักของศีรษะทำให้สำนึกได้ว่าตัวเองอาจจะป่วย เปลือกตาค่อยๆ ปรือขึ้นช้าๆ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้าของแรงสัมผัสนั้นคือใคร
“กอหญ้า...”
เสียงที่ส่งออกไปดูเหมือนจะแหบแห้งอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำให้เจ้าของชื่อสนใจได้ดีทีเดียว
“คุณตื่นแล้วเหรอ? ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม? ดื่มน้ำหน่อยนะ” ดูเหมือนเธอจะถามแต่กลับคล้ายพูดคนเดียวเสียมากกว่า
“มาได้ยังไง?” เป็นอีกคำถามที่คนบนเตียงส่งออกไปหลังจากกอหญ้าช่วยยกตัวให้เขาดื่มน้ำได้สะดวก
“คุณหวังโทรตามให้ฉันมาช่วยดูคุณให้น่ะ ไปทำอะไรมาถึงป่วยขนาดนี้”
คนป่วยรีบกวาดตามองความเรียบร้อยทั้งบนเตียงและภายในห้องอย่างรวดเร็วแล้วผ่อนลมหายใจบาง ห้องของเขาอยู่ในสภาพเรียบร้อยและไร้ร่องรอยพอที่จะไม่เปิดเผยอะไรแย่ๆ ที่เขาทำไปเมื่อคืน ดีเท่าไหร่แล้วที่เรียกแม่บ้านมาจัดการก่อนที่จะไปอาบน้ำ
“ว่าไงแจ็คสัน... คุณไปทำอะไรมา” เธอถามทั้งที่มือยังง่วนอยู่กับการเช็ดตัวให้เขา
“ไม่รู้สิ คงนอนทั้งที่ผมยังเปียกแล้วแอร์ก็เย็นมั้ง”
“ฉันก็คิดว่างั้น...” เธอบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่นั่นก็ทำให้แจ็คสันเอะใจเมื่อเห็นว่าแขนตัวเองดูโล่งๆ ผิดปกติ
เขามองสำรวจตัวเองในทันทีพร้อมกับเปิดผ้าห่มดูก็เห็นว่าทั้งร่างกายตัวเองมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอวไว้ แล้วการที่กอหญ้ามานั่งเช็ดตัวอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้ระวังตัวแบบนี้มันคืออะไรกัน
พ่อของเขาเรียกกอหญ้ามางั้นเหรอ?...
และกับคนป่วย... ที่เป็นผู้ชาย
... ถึงแม้จะเป็นลูกชายตัวเอง
... แถมมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไว้ปกปิดร่างกาย
... มันจะไว้ใจได้แค่ไหนกันเชียว
นี่พ่อของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่....
"เอ้า... ใส่ซะ" มือบางหย่อนเสื้อผ้าลงบนหน้าอกของแจ็คแถมมันกระจายออกจากกันจนบ๊อกเซอร์แทบโดนหน้าและเขาก็เห็นด้วยว่าเธอแอบขำ
"พ่อคุณจัดให้ ฉันเปล่ารื้อของคุณนะ" เธอรีบหันมาพูดเพื่อไม่ให้ถูกเข้าใจผิด
กอหญ้ากลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับถาดที่มีถ้วยข้าวต้มและยาก่อนจะวางลงที่ชุดโซฟาเล็กมุมห้อง
"คุณทานข้าวเสร็จแล้วก็ทานยาด้วยนะ"
"กอหญ้า... ฉันป่วยนะ ลุกแทบไม่ขึ้นอยู่แล้ว"
"คุณแค่ป่วยนะ ไม่ได้แขนขาดซะหน่อย" กอหญ้าบ่น
"โธ่.. ป้อนหน่อยนะ นะ น้าาาาา.."
เจอแจ็คสันอ้อนเข้าเต็มที่ขนาดนี้และเธอเห็นว่าเขาป่วยจริงสุดท้ายก็ยอมยกข้าวต้มมาที่ข้างเตียงจนได้โดยมีคนป่วยนั่งยิ้มไปมองไปอย่างน่าหมั่นไส้
แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่คำเสียงกริ่งหน้าหน้าก็ดังขึ้นทำให้กอหญ้าต้องละมือชั่วคราว ทันทีที่ประตูเปิดออกก็ปรากฏร่างผู้ชายหกคนซึ่งทั้งหมดดูจะอึ้งๆ ไปนิดที่เห็นเธอ ก่อนที่ยูคยอมจะแนะนำให้กอหญ้าและแบมแบมรู้จักกันและพากันเข้ามาในห้องอย่างคุ้นเคย พอสมาชิกในห้องเพิ่มเป็นแปดคน พื้นที่กว้างๆ ของห้องสวีทเลยดูแคบไปถนัดตา แถมหน้าที่ป้อนข้าวแจ็คสันก็มียูคยอมอาสาทำแทน จากนั้นก็พากันเข้าไปถามไถ่คุยเล่นกันในห้องนอนโดยที่กอหญ้าเองก็ถือโอกาสนั่งเล่นอยู่ด้านนอก
"ไง...? ท่าทางดูเหนื่อยๆ นะ" เสียงของเจบีที่ดังขึ้นใกล้ๆ ไม่น่าตกใจเท่าที่เขาใช้แขนอ้อมมายันราวระเบียงโอบเธอเอาไว้
"จะมาสร้างคดีฆาตกรรมกลางวันแสกๆหรือไง?" กอหญ้าเอ่ยอย่างระแวง
"ฉันไม่ร้ายถึงขนาดฆ่าคนหรอกน่ะ" เขาตอบขำๆ
กอหญ้าหันกลับมามองหน้าเจบีโดยการอิงหลังกับราวระเบียงอย่างแปลกใจที่เขาอารมณ์ดีต่างจากทุกครั้ง
"นายป่วยรึเปล่า? ฉันว่านายดูแปลกๆ" กอหญ้าดันแขนเจบีออกเพื่อจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องแต่เขาขืนเอาไว้จนเธอนิ่วหน้าอย่างเอาเรื่อง
"ไม่ได้ชวนทะเลาะ แค่อยากคุยด้วย"
"ก็คุยห่างๆ ก็ได้"
"ไม่อ่ะ อยากอยู่แบบนี้มากกว่า .. "
คำตอบของคนที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันอย่างเจบีเล่นเอาเธอไปต่อไม่ถูก กอหญ้าจึงพลิกตัวหันกลับไปทางนอกระเบียงแทนที่จะหันหน้าเข้าหาเขาแบบนี้
"เรา... ญาติดีกันสักที จะดีไหม?"
เจบีถามก่อนจะหันมาจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของกอหญ้าที่เมินหนีไปทางอื่นอย่างรอคำตอบ
ทว่าขณะที่กอหญ้ากำลังประหม่าก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที
"กอหญ้า... แจ็คสันเรียกน่ะ" เป็นจูเนียร์นั่นเอง
"อ้อ.. เอ่อ.. ค่ะ" กอหญ้าเดินไปโดยที่ไม่หันมองเจบีอีก
"มองทำไมไอ้เนี่ยร์ "
"มึงมันออกอาการ"
"อาการอะไร"
"อาการคิดไม่ซื่อน่ะสิ"
"มึงคิดจะทำอะไรกันแน่เจบี"
"กูเหรอ เปล่านี่" เจบีปฏิเสธ แต่เสียงจากหน้าประตูทำให้บทสนทนาหยุดลง
พ่อของแจ็คสันมาดูลูกชายแล้วบอกว่าจะพากอหญ้าออกไปข้างนอกทำเอาห้องทั้งห้องเงียบไปโดยปริยาย
"พาไปทักทายผู้ใหญ่หน่อย ยืมตัวแปบนะลูกชาย"
แจ็คสันกำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา ส่วนเจบีก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศมันดูอึมครึมจนแบมแบมต้องลากมาร์คออกมาคุยด้านนอกเพราะยูคยอมง่วนอยู่กับการหาของกินโดยมีจูเนียร์ย้ายฝั่งไปตามไล่บ่นอยู่ไม่ห่าง
"มันต้องมีอะไรแน่เลยพี่มาร์ค" มาร์คมองคนข้างๆ แล้วถอนหายใจก่อนจะยกแขนขึ้นพาดไหล่เล็กแล้วกระซิบ
"มันก็แหง๋อยู่แล้ว"
"พี่รู้?.. "
"ไม่แน่ใจ..." พูดพลางเอียงศีรษะลงอิงกับเรือนผมสีบรอนด์อ่อนเบาๆ
"เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเลยอ้ะ" แบมแบมยังคงวิเคราะห์ต่อ
"ใช่.. นุ่มด้วย"
"หืม.. เป็นยังไงวะพี่มาร์ค?"
"ก็...หอมดี" ว่าแล้วก็กดจมูกลงบนผมสีบรอนด์อ่อนของคนตัวเล็ก แต่กว่าแบมแบมจะสำนึกได้มาร์คก็สูดเข้าไปเต็มปอดแล้ว
"เฮ้ย! พี่มาร์คแม่ง เผลอไม่ได้เลย!"
"(>_<)"
"โว้ยยยยย!"
แบมแบมเดินหนีไปพร้อมแหกปากอย่างอารมณ์เสียก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวใส่มาร์คอีกทีโดยที่มาร์คก็หาได้สะทกสะท้านไม่
แจ็คสันหลับไปแล้วเหล่าขบวนการจึงทยอยกลับไปเรียนในช่วงบ่ายอันที่จริงเขาก็ไม่ได้ป่วยง่ายดายขนาดนั้นแต่สองวันมานี้เอาตัวไปแช่น้ำนานวันละหลายชั่วโมงเป็นว่าเล่นเพราะมัวแต่คิดอะไรจนวุ่นวายทั้งยังปาร์ตี้สระน้ำเมื่อคืนจนมาจบที่เผลอหลับทั้งที่ผมยังเปียกเลยทำให้ผู้ชายถึกๆ อย่างเขาทรุดได้เหมือนกัน
เจบีกลับออกไปเป็นคนสุดท้ายและทิ้งโพสอิทไว้ที่ประตูว่าจะกลับมาอีกทีตอนค่ำๆ แต่เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูร่างของกอหญ้าก็เดินสวนเข้ามาเสียก่อน ปลายนิ้วที่เฉียดผ่านไปทำให้เขาเลือกที่จะคว้ามือบางเอาไว้
"ฉัน.. เอ่อ.. ผม.. จะมากินข้าวพร้อมแจ็คสันตอนเย็นนะ" บอกเพียงเท่านั้นเขาก็ปล่อยมือของเธอแล้วเดินออกไป การกระทำของเจบีทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก และท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขานั้นเธอเองก็ตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน ทว่าใบหน้าหวานกลับขึ้นสีระเรื่อจนรู้สึกร้อนอย่างไม่รู้ตัวโดยไร้สาเหตุขึ้นมาเสียอย่างนั้น
....แล้วจะมากินข้าวกับแจ็คสันทำไมไม่บอกแจ็คสันล่ะ จะมาบอกเธอทำไม?
แสงสีส้มเริ่มสาดผ่านม่านผืนโปร่งเข้ามาบ่งบอกว่าตอนนี้ใกล้ได้เวลาแสงสุดท้ายของยามเย็น แจ็คสันที่เพิ่งตื่นหลังจากหลับไปหลายชั่วโมงหรี่ตาหลบแดดที่แยงเข้ามาในตาก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งช้าๆแม้ยังรู้สึกหนักศีรษะอยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
ใครอีกคนในห้องเรียกความสนใจจากเขาไปได้ ร่างหนาสาวเท้าเข้าใกล้เมื่อเห็นว่ากอหญ้านั่งซุกตัวในท่าชันเข่าตรงชุดโซฟาเดี่ยวที่มุมห้องแถมยังหลับทั้งที่ยังมีหนังสือบัญชีการเงินเล่มหนาจนน่ากลัวเปิดทิ้งไว้พร้อมกับเสียบหูฟังที่เพลงยังคงเล่นคาไว้อยู่
"ไม่เมื่อยบ้างหรือไง"
แม้จะป่วยแต่ก็ใช่ว่าถึงขั้นหมดเรี่ยวหมดแรง แจ็คสันดึงหนังสือออกแล้วจัดการช้อนตัวกอหญ้าขึ้นอย่างเบามือที่สุดก่อนจะค่อยๆ วางลงบนเตียงของตัวเองและห่มผ้าให้ จากนั้นก็กดปิดไอพอดที่ลืมถอดออกเมื่อครู่และติดมาด้วยวางไว้ข้างหมอน
"หลับลึกขนาดนี้เดี๋ยวพ่อก็จับปล้ำซะหรอก หึหึ"
พูดไปก็ขำไปอย่างนึกเอ็นดูเขามองคนที่กำลังหลับสบายชั่วครู่แล้วก็เดินออกไปหาน้ำดื่มข้างนอก เขากลับมาที่เตียงและสอดตัวลงข้างคนที่นอนอยู่ก่อนในผ้าห่มผืนเดียวกัน
แจ็คสันนอนมองแผ่นหลังบางที่พลิกตัวหันตะแคงให้อย่างชั่งใจ จากนั้นไม่นานก็ขยับตัวไปใกล้ๆ แขนแข็งแรงยกขึ้นโอบเอวคอดกระชับเข้าหาตัวก่อนจะฝังจมูกลงบนเรือนผมนุ่มและหลับตาลงอีกครั้ง
ร่างบนเตียงเริ่มขยับเมื่อพลิกตัวแล้วรู้สึกแปลก แขนเล็กออกแรงดันให้อะไรบางอย่างออกห่างแต่แรงสัมผัสทำให้ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นดูแล้วก็พบกับใบหน้าเข้มที่คุ้นตาหลับพริ้มอยู่ใกล้เสียจนอยากจะกรีดร้องให้ลั่นแต่ยังอุตส่าห์ยั้งไว้ทัน
ร่างบางค่อยๆ เลื่อนตัวเองออกจากภาวะเสี่ยงอันตรายต่ออัตราการเต้นของหัวใจอย่างเงียบเชียบก่อนจะรีบโกยกองหนังสือบนโต๊ะเล็กมุมห้องไว้ในอ้อมแขน ทว่าไม่ลืมที่จะจัดยาอีกชุดไว้ที่โต๊ะอาหารพร้อมโพสอิทด้วยความเร่งรีบจนขาแทบจะพันกันให้หกล้มหัวแตกตายอยู่แถวนี้ ส่วนอาหารเย็นค่อยลงไปบอกที่ล็อบบี้แล้วกันเพราะเธอแทบจะแหกปากระบายความประหม่าแกมตื่นเต้นอยู่แล้ว
แกร๊ก...
ทันทีที่เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกเสียงเข้มๆที่ยังไม่อยากได้ยินกลับดังตามมาเสียก่อน
"จะไปไหนน่ะ?"
กอหญ้าสะดุ้งเฮือกก่อนจะเป่าปากเบาๆ เพื่อสงบใจและหันกลับไปด้วยท่าทีนิ่งๆ ทั้งที่ภายในไม่ได้นิ่งอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด
"ฉันต้องกลับแล้ว ไปอ่านหนังสือต่อ"
"งั้นเหรอ? อยู่กินมื้อเย็นเป็นเพื่อนฉันกับเจบีก่อนสิแล้วค่อยไป"
สายตาของแจ็คสันทำให้กอหญ้าหันกลับไปทางประตูที่ตอนนี้เปิดกว้างขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คนที่ยืนทำหน้าเฉยเมยอยู่ตรงนั้นนั่นต่างหากที่ทำให้วิญญาณเธอฉีกออกจากร่างไปกรีดร้องที่ระเบียงเรียบร้อยแล้ว
ไม่อยากจะพูดหรอกนะว่าหากต้องรับมือกับแจ็คสันและเจบีเวอร์ชั่นกลับตาลปัตรแบบที่เจอวันนี้มาทั้งวัน หัวใจของเธออาจวายเฉียบพลันได้เลยทีเดียว
...และตอนนี้ แม้คิดจะหลบก็ไม่ทันแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น