วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

THE X - Unit 16


THE X – Unit 16

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ค่อยดีนัก รอบข้างมีแต่รังสีทะมึนเต็มไปหมดแม้จะเลือกลงมาที่ห้องอาหารของโรงแรมแทนสั่งขึ้นไป แต่เมื่อเลือกนั่งโต๊ะสำหรับสี่คนทว่าเมื่อมากันแค่สามคนหนึ่งในนั้นก็ต้องนั่งคนเดียว คนนั้นคือกอหญ้า และดูเหมือนการเลือกตำแหน่งจะลำบากกว่าเดิมเพราะแม้ไม่ได้นั่งข้างใครแต่สามารถสบตาทั้งคู่ได้พอดิบพอดีเหมือนกัน

ระหว่างรอเจบีและแจ็คสันมีเรื่องคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทแต่กอหญ้ากลับนิ่งเงียบราวกับเป็นส่วนเกิน

ทันทีที่อาหารถูกวางเธอก็ก้มหน้าก้มตาแทบไม่สนใจใครแต่กลับต้องชะงักเพราะใครสักคนตักอาหารมาวางในจานให้

คนนั้นคือ... เจบี

"กินเยอะหน่อย เธอผอมไปแล้ว" 

กอหญ้าเงยหน้ามองก็เจอกับรอยยิ้มบางๆ ที่เขาส่งให้แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันคนที่สร้างความอึดอัดมากกว่าเดิมก็ก้าวเข้ามาพร้อมเสียงทักทายอย่างอารมณ์ดี

"ไง.. ท่าทางจะดีขึ้นเยอะแล้วสิถึงมากินข้าวข้างล่างได้"  คุณหวังนั่งลงที่ว่างข้างกอหญ้าด้วยท่าทีสบายๆ

"ป๊าว่างเหรอวันนี้? เห็นวนเวียนมาหาผมทั้งวัน"   แจ็คสันถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชอบใจนัก

"ฉันก็ห่วงแก แล้วอีกอย่าง...แวะมาดูกอหญ้าด้วย  ไงเรา..? ขอบใจนะสำหรับวันนี้"  ประโยคหลังคุณหวังหันมาพูดกับกอหญ้า

"ไม่เป็นไรค่ะ หญ้าโอเค เฮียโทนี่ไม่ต้องห่วง" 
คำตอบที่ดูธรรมดาแต่รอยยิ้มที่ส่งออกไปทำให้ประโยคนั้นไม่ธรรมดา แถมสรรพนามนั้นช่างสะกิดใจเหลือเกิน ซึ่งเจ้าตัวดูเหมือนจะรู้จึงเลี่ยงขอตัวออกไปห้องน้ำ และเจบีก็ขอตัวไปเช่นกัน

"ป๊ากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!"  แจ็คสันโพล่งขึ้นทันทีที่สองคนเดินลับไป

"ฉันเหรอ... ก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"

"คิดว่าผมจะเชื่อรึไง"

"แกมีปัญหาอะไร? รึว่าแกชอบกอหญ้า... ขอฉันสิ! ถ้าแกกล้าขอ... ฉันก็กล้าให้!"

เคร้ง!!

"ป๊า!"

ช้อนในมือหล่นกระทบจานเสียงดังจนคนหันมอง แจ็คสันสะบัดผ้าบนหน้าตักให้พ้นตัวแล้วลุกออกจากโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย

เจบีเตร็ดเตร่อยู่แถวๆ หน้าห้องน้ำอยู่ไม่นายกอหญ้าก็ออกมาเขาจึงได้โอกาสรีบเดินตามไป

"มีอะไรคะ?"   บางการกระทำเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจ

"เปล่า... แค่อยากเดินเป็นเพื่อน"

"กินยาลืมเขย่าขวดเหรอ? หรือหัวกระแทกอะไรมา?"  การพูดดีผิดปกติของเขามันน่าไว้ใจเสียที่ไหนสำหรับเธอและวันนี้เขาก็ทำมันมาทังวัน

"ทำไมต้องเป็นแบบนั้นล่ะ.. ฉันก็แค่อยากขอโทษที่เข้าใจผิด"

"แค่นั้น?"   กอหญ้าหยุดเดินพลางเลิกคิ้วสูง

"ครับผม"   เจบียิ้มทะเล้นใส่

"งั้นก็... เลิกแล้วต่อกันละกัน"   กอหญ้าบอกแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องอาหารโดยทิ้งให้เจบียืนเอ๋ออยู่ตรงนั้น

"ง่ายขนาดนั้น...?"  เจบีพึมพำ

ทั้งคู่เดินกลับมาถึงโต๊ะก็พบเพียงคุณหวังนั่งอยู่แต่ไม่มีแม้เงาของแจ็คสัน ทว่าบอกสั้นๆ ว่ากลับขึ้นห้องไปแล้ว ก่อนที่คนสูงวัยกว่าจะออกไปเขากลับเอ่ยปากฝากเจบีให้ไปส่งกอหญ้า โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเธอส่งไปแต่คุณหวังก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกนอกจากให้โทรมาทันทีที่กลับไปถึง

ระหว่างทางหญิงสาวดูเป็นกังวลหลังจากที่ก้มอ่านอะไรสักอย่างจากในโทรศัพท์ซึ่งเจบีเองก็สังเกตุเห็น

"รบกวนอะไรหน่อยได้ไหม?"    กว่าจะหลุดประโยคนี้ออกมาได้เธอก็คิดอยู่นาน

"อะไร?"  

ที่เอ่ยถามไม่ได้คิดจะปฏิเสธ เขาก็แค่... อยากรู้

"ไปส่งที่สถานีขนส่งหน่อยได้ไหมคะ?" 

"แต่คุณลุงให้ไปส่งที่พัก แล้วมันก็สามทุ่มแล้วเธอจะไปไหน?"  เจบีเอ่ยปากค้าน

กอหญ้าไม่ตอบอะไรกลับมาแต่ก้มลงกดโทรศัพท์อีกครั้งและรอสายจนสุดท้ายมีคนรับ

"กอหญ้านะคะ" เธอกรอกเสียงลงไป

[โทรมามีอะไรรึเปล่า?]

"แค่จะโทรบอกว่าถึงแล้วน่ะค่ะ แต่...ฉันโทรหาคุณหวังนี่นา"   กอหญ้าหันมองหน้าจออีกครั้งอย่างนึกได้ซึ่งก็ยังเป็นเบอร์คุณหวังแต่ทำไมถึงกลายเป็นแจ็คสันไปได้

[โอนสายมามั้ง... ช่างเถอะ ถึงบ้านก็ดีแล้ว]

"ค่ะ... แค่นี้นะคะ"

[ เฮ้ยเดี๋ยว! .. ฝันดีนะ ]

หลังจากวางสายกับแจ็คสันเธอก็เลือกกดส่งข้อความไปบอกคุณหวังอีกครั้งก่อนจะหันมาหาเจบี

"จอดข้างหน้าก็ได้นะคะ ฉันจะเรียกแท็กซี่ไปเอง"

"จะไปไหน?"

"ยังไม่ได้คิด ถ้าถึงท่ารถแล้วคงคิดออกเอง"

"ถ้าแบบนั้นฉันคงไปส่งเธอไม่ได้ แล้วก็ปล่อยเธอลงแถวนี้ไม่ได้เหมือนกัน"  เจบีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทว่ากอหญ้ากำลังจะค้านเขาก็พูดต่อขึ้นมาเสียก่อน

"... แต่ฉันจะพาเธอไปเอง"

เจบีขับรถไปเรื่อยๆ แล้วถามกอหญ้าว่าอยากไปที่ไหน เธอก็เอาแต่ส่ายหน้าตอบว่าไม่รู้ทำให้เขาจนใจ ทว่าสายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายหนึ่งเข้าจึงจัดการเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทางทันที

ชั่วโมงกว่าๆ เจบีก็เลี้ยวรถเข้าสู่ลานกว้างที่เบื้องหน้าเต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงดังจากเครื่องเสียงภายในงานประจำปีในต่างจังหวัด

"มาทำอะไรที่นี่?"

กอหญ้ามองอย่างไม่เข้าใจนัก แต่คนพามากลับลงรถไปและเปิดประตูให้เธอลงตาม ชายหนุ่มเห็นเธอมัวแต่มองไปรอบๆ จึงคว้าข้อมือให้ออกมาจากรถ

เจบีจูงมือกอหญ้าให้เดินเข้างานอย่างสบายๆ แต่เธอดูคล้ายจะคิดอะไรอยู่เงียบๆ

เขาหยุดยืนที่หน้าร้านขนมและเลือกซื้อแพนเค้กที่ม้วนไส้กรอกอันเล็กๆ หลายชิ้นจากนั้นก็ส่งให้กอหญ้า

"กินได้ใช่ไหม? ตอนอยู่ที่โรงแรมคงกินอะไรไม่ค่อยลง"

กอหญ้าเงยหน้าจากถุงขนมแล้วยิ้มแห้งๆ ให้พร้อมกับพรูลมหายใจเบา

เจบียิ้มขำก่อนจะเอื้อมมือไปยีผมหน้าม้าที่ถูกสไลด์ไว้บางๆ เล่นอย่างลืมตัว

"เอ๊.." กอหญ้าอุทานพร้อมกับย่นคอหลบ เจบีชะงักไปราวกับนึกได้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแตะไหล่ให้เธอออกเดินโดยที่เขาอยู่ข้างกัน

กอหญ้าดูอารมณ์ดีขึ้น แววตากังวลก็เริ่มไม่มีให้เห็น เขาเริ่มรู้สึกตัวก็ตอนที่ขนมถูกยื่นมาตรงหน้า มือบางถือขนมจ่อปากจนแทบจะยัดเข้าไปหากไม่ติดว่าเขาเอาแต่มองเธออยู่

เธอพยักหน้ารัวๆ ให้เขารับไป ตอนนี้ทั้งคู่หยุดเดินแล้วและคนก็เบาบางพอที่จะไม่ขวางทางผู้คนรอบข้าง

เจบีมองคนที่อุตส่าห์แบ่งขนมให้ ดวงตาใสๆ ของเธอทำให้เขารู้สึกดีชะมัด ชายหนุ่มก้มลงงับขนมจากมือของกอหญ้าโดยที่สายตายังจ้องมองอยู่ที่ใบหน้าหวาน ริมฝีปากหนาสัมผัสปลายนิ้วของคนป้อนขนมอย่างจงใจจนเธอชักหลบแทบไม่ทัน

เจบีหัวเราะอยู่ในใจทว่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่มือบางปล้วจูงเดินไปด้วยกันแทนที่จะแตะไหล่เป็นครั้งคราวเหมือนก่อนหน้า

หากเขาเป็นพวกขี้แกล้งอีกสักหน่อยคงได้เห็นแก้มที่แดงขึ้นของกอหญ้า

แต่เจบีไม่ใช่เด็กเสียหน่อย เขาเจอผู้หญิงมาก็เยอะ เรื่อยแบบนี้สามารถเดาได้โดยไม่ต้องดูผลของการกระทำ... กอหญ้าคงกำลังเขินอยู่แน่ๆ

ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่ผู้คนค่อนข้างหนาตาคือเป้าหมายที่เจบีสนใจ เขาหันมาทางกอหญ้าแล้วเลิกคิ้วถามความสมัครใจ เธอคิดนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นมาทันที

เจบีจูงมือเธอเข้าไปด้านในสุดของร้านแถมอยู่ข้างริมสระน้ำขนาดใหญ่ก่อนจะถอดรองเท้าวางไว้ข้างหลังพลางทรุดตัวลงนั่งบนเสื่อสีแดงผืนยาวที่ถูกปูไว้เป็นแถวยาวและใช้โต๊ะไม้เล็กๆ วางเรียงเว้นระยะพอประมาณให้พอเป็นส่วนตัว

อันที่จริงเขาอยากนั่งเล่นแบบนี้ตั้งนานแล้วทว่ายังหาโอกาสไม่ได้เสียที

ชามก๋วยเตี๋ยวเรือเล็กๆ สี่ชามถูกวางตรงหน้าแต่คนที่กระตือรือร้นกลายเป็นเจบีที่สาละวนอยู่กับการเลือกอุปกรณ์ในการรับประทานจนเธอต้องเลื่อนชามไปให้ตรงหน้าของเขาแล้วหยิบของตัวเองมา ชายหนุ่มวางช้อนและตะเกียบลงในชามให้ก่อนจัดการเริ่มปรุงของตัวเองบ้าง

กอหญ้ามองเจบีที่สั่งเพิ่มด้วยรอยยิ้มในหน้า เธอไม่เคยเห็นด้านนี้ของเขามาก่อน ด้านที่ร่าเริงสนุกสนานโดยธรรมชาติเพราะปกติเจอกันระหว่างทำงานเขาดูจะเงียบขรึมตลอดเวลาหรือบางครั้งก็กระทบกระทั่งกัน บางทีก็แปลกใจอยู่สักหน่อยที่คนอย่างเขายอมอ่อนข้อให้ง่ายดายขนาดนี้

ความรื่นเริงของเจบีไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาพอเธอไปร้านปาลูกโป่งที่มีตุ๊กตามากมายหลายตัวแม้ราคาค่างวดจะไม่ได้สูงอะไรแต่มันก็มีค่าสำหรับการเป็นของรางวัลที่จะทำให้คนได้รับรู้สึกดี

"ลองปาไหม?"   เจบีก็แค่ถามเพราะเขาไม่ได้สนใจคำตอบ เพราะหันไปบอกกับคนในร้านเรียบร้อยแล้ว

"นี่... ฉันปาลูกโป่งได้ห่วยแตกมากนะ ไม่เอาหรอก"

กอหญ้าออกปากปฏิเสธ แต่เจบีกลับรับลูกดอกมาถือในมือแล้ว เขาดึงเธอให้มายืนซ้อนด้านหน้าแล้วจับมือให้ถือลูกดอกเอาไว้

"จับแบบนี้ แล้วก็ปาออกไปไม่ต้องใส่แรงเยอะเกินไปล่ะ นับสามก็ปล่อยออกไป เอานะ.. หนึ่ง... สอง... สาม..."

ปัง!...

เจบีสอนให้ปาทั้งที่ยังจับมือเธอส่วนอีกมือก็แตะเอวบางเอาไว้ไม่ให้ขยับ ใบหน้าหล่อหันไปยิ้มกับกอหญ้าให้เมื่อลูกโป่งลูกแรกแตกอย่างที่ต้องการ ส่วนเธอเองก็หัวเราะน้อยๆ ให้กับฝีมือตัวเองและคุณครูจำเป็นที่หล่อจนหลายคนหยุดยืนดูการปาลูกโป่งของทั้งคู่แถมผู้หญิงก็สวยผู้ชายก็หล่อมักสร้างความสนใจได้ง่ายๆ อยู่แล้ว  หรืออาจจะเพราะท่าทางการแสดงออกที่หวานจนน้ำตาลร่วงกราวเป็นทาง

ก็มีอย่างที่ไหนมายืนกอดกันปาลูกโป่ง...ใครเขาทำ

ทว่า...คนถูกมองนั้นดูเหมือนจะลืมตัว

แต่แล้วหมอนอิงใบเล็กกับตุ๊กตาเป็ดหน้าตาประหลาดก็มาอยู่ในมือของทั้งคู่จนได้ ทั้งคู่เดินเที่ยวงานไปเรื่อยอีกทั้งแวะกินแวะเล่นจนทั่วแถมได้ของติดมือมาอีกสองสามอย่าง

พอดูเวลาอีกทีก็ล่วงเลยมาเกือบตีหนึ่งแล้วซึ่งก็ได้เวลากลับเสียที

"คุณขับรถไหวใช่ไหม?"

"ทำไม? เป็นห่วง?"  เจบีหันมาถาม

"เปล่า... ฉันกลัวตาย..."    คำตอบของกอหญ้าทำเอาเจบีเหวอไปชั่วขณะแต่คนพูดนั้นนั่งกลั้นขำแทบแย่เมื่อเห็นสีหน้าตลกๆ ของเขา

"ไม่สตาร์ทรถล่ะคะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันขับให้ก็ได้นะ"

"ไม่อ่ะ ถ้าเธอให้เธอขับฉันยอมหาโรงแรมนอนที่นี่ดีกว่า"   เจบีปฏิเสธ

"ทำไม? กลัวตาย?"   กอหญ้ายิ้มล้อ

"เปล่า  กลัวเธอเหนื่อย"  

เอิ่ม... หยอดแบบไม่ได้ตั้งตัวอย่างนี้ก็ตายพอดี กอหญ้าถึงกับมองดินฟ้าอากาศนอกรถเลยทีเดียว ส่วนคนพูดก็ยิ้มสมใจที่ทำให้เขินได้อีกหน

ตีสามกว่าๆ รถของเจบีก็มาถึงที่พักของกอหญ้า เธอเอ่ยขอบคุณแล้วลงรถแต่เขากลับเรียกเธอไว้ก่อน

"นี่.. ของเธอ"

ตุ๊กตาเป็ดหน้าตาประหลาดถูกยื่นผ่านกระจกซึ่งเธอก็รับมาอย่างงงๆ เจบียกมือขึ้นโบกสองสามทีแล้วก็ขับรถออกไป

คืนนี้มีงานโปรโมทการประกวด THE X-Girl Season II ที่คลับ กอหญ้าถูกเรียกทำงานแทนกะทันหันเพราะมีนางแบบแคนเซิล

เจบีถือแก้วทักทายคนรู้จักไปเรื่อยๆ แต่สายตากลับเห็นร่างคุ้นตาเดินผ่านไป ตาคมเพ่งมองให้ชัดอีกครั้งก่อนจะต้องส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเห็นชัดว่าคนที่เขาเห็นคือใคร

แก้วบรรจุน้ำสีใสดีกรีแรงที่วางอยู่เต็มถาดถูกคนในโต๊ะหยิบยื่นให้คนที่ถือมาขายแทนที่จะดื่มเองแม้ว่าเป็นคนจ่ายเงินซื้อก็ตาม

คืนนี้หญิงสาวก็อารมณ์ดีพอตัวเลยยกดื่มตามกำลังศรัทธาไปเสียหมดเหมือนกัน ทว่าคุยกันไปอย่างสนุกได้ไม่เท่าไหร่ก็มีคนมาตามออกไป

กอหญ้าถือถาดที่บรรจุแก้วเปล่าตามพนักงานขึ้นมาชั้นบน ผู้ชายร่างสูงที่คล้ายจะเคยพบมาก่อนยืนอยู่ตรงหน้าแต่เพราะหันหลังอยู่จึงนึกไม่ออกว่าคือใคร หญิงสาววางถาดไว้บนโต๊ะแล้วค่อยๆ ก้าวช้าๆ ไปหยุดอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็เอียงคอมองแล้วทำตาโตพร้อมกระพริบตาปริบๆใส่

ส่วนคนถูกมองกลับหันหน้าหนีเสียนี่

"คุณให้คนไปเรียกฉันเหรอ?"

"อืม"  

"มีอะไรรึเปล่าคะ"

"ก็มันหมดถาดแล้วนี่ จะยังยืนอยู่อีกทำไม"

"อ้อ! เป็นห่วง" 

ประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากคนอย่างกอหญ้าทำเอาเจบีหันขวับ แต่คนพูดกลับทิ้งตัวลงบนโซฟากว้างก่อนจะคว้าแก้วมาชงเหล้าเสียอย่างนั้นและนั่นทำให้เจบีรีบเข้าห้ามแทบไม่ทัน

"พอแล้ว... ไม่ต้องดื่มแล้ว"

เจบียังจำวันนั้นได้ดี วันที่เธอเมาเพราะถูกแกล้งและเขาเป็นคนพาเธอกลับทั้งที่ตอนนั้นไม่ถูกกัน แต่ตอนนี้หากต้องเป็นแบบนั้นอีกเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะไปจบตรงไหน

เขากลัว... กลัวตัวเองจะหลงชอบเธอเข้าอีกคน

ชอบ... ในแบบที่เกินเพื่อน

หรือ... มันอาจจะเกินไปตั้งนานแล้วแต่ไม่รู้ตัว

ในคลับเดียวกันสาวเซ็กซี่ในชุดกางเกงดิสโก้แพลนสีแดงกับเกาะอกตัวจิ๋วพร้อมสัดส่วนเย้ายวนกำลังเต้นคั่วอยู่กับแจ็คสัน ท่าทางการแตะเนื้อต้องตัวดูก็รู้ว่าต้องเคยพบกันมาก่อน วงแขนแกร่งโอบรอบเอวบางส่วนมือซุกซนก็ลูบไล้อยู่แถวสะโพกเมื่อเริ่มโยกตามจังหวะเพลง

ทว่าเมื่อใบหน้าหล่อคมของแจ็คสันโน้มลงใกล้คนที่กำลังกอดอยู่ สายตาก็ประสานกับสายตาของคนใบหน้าหวานเข้าพอดิบพอดีแต่เขาก็ไม่ได้หยุดการกระทำ ริมฝีปากหนาสัมผัสกับริมฝีปากของคนในอ้อมกอดแม้จะยังจับจ้องอยู่ที่อีกคนโดยไม่ละสายตา

แต่เบื้องหลังของใครบางคนกลับก้าวมากั้นกลางระหว่างเขาและเธอเอาไว้

"เดินไป อย่าหันกลับมา"

เสียงกระซิบที่ข้างหูของคนที่เดินมากั้นพร้อมกับจับไหล่ให้หันหลังออกเดินพ้นจากภาพคนจูบกันตรงหน้า

"แค่จะไป เปลี่ยนชุดกลับบ้าน"

"หึ.."

คนเบื้องหลังแค่นหัวเราะ  แน่นอนว่าเขาได้ยินข้อแก้ต่างชัดเจนเลยทีเดียวเพราะเขาเดินชิดกันเธอขนาดที่แผ่นหลังบางแทบจะแนบกับอกขนาดนั้น

เจบีพาเธออ้อมมาทางเดินของออฟฟิศที่สามารุทะลุไปห้องแต่งตัวได้ก่อนจะดันเธอไปยืนหน้าห้องแล้วกำชับว่าเสร็จแล้วให้ออกมาตรงนี้

แม้จะไม่รู้ความสัมพันธ์ก่อนหน้าของทั้งคู่ว่าเป็นมายังไงแต่การที่มาเห็นแจ็คสันออกลายเจ้าชู้ต่อหน้าขนาดนี้มันคงไม่ดีซักเท่าไหร่ และดูเหมือนแจ็คสันจะออกแนวท้าทายเธอเสียด้วยซ้ำ

ตอนนี้เขายังเดาใจแจ็คสันไม่ถูกเลยว่าหมอนั่นต้องการอะไรกันแน่

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

THE X – Unit 15

THE X – Unit 15

  ร่างหนาที่ออกแรงขยับจังหวะอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของไฟหรี่สีส้มภายในห้องพร้อมกับร่างข้างใต้ที่แสนเย้ายวนกับกิจกรรมที่มีไว้สำหรับปลดปล่อย สองร่างเต็มไปด้วยเหงื่อที่โทรมกายและเสียงประสานรับกันราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่สองคน ไม่นานนักเสียงแหบพร่าที่ครางสะท้านก็เงียบลงก่อนที่จะจบลงด้วยเสียงประตูที่ปิดลงสนิทหลังจากเสียงอันวาบหวามหายไปไม่ถึงยี่สิบนาที

 ร่างกำยำพาตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตัวเองบ้าง มือหนาลูบหยดน้ำที่พราวเต็มตัวไปเรื่อยๆ โดยย้ำแต่ละสัมผัสอย่างครุ่นคิด เขาก็แค่มีอะไรกันตามปกติทว่าสมองมันกลับคิดถึงอีกคนอยู่ตลอดเวลาจนน่าหงุดหงิด

 ผ้าเช็ดตัวผืนหนายังพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ส่วนมือที่ว่างยังคงใช้ผ้าผืนเล็กซับผมที่ยังเปียกหมาดไปด้วยพลางเอื้อมอีกมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดรูปที่เขาเพิ่ฟฟฟงถ่ายเมื่อวานมาดูก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทั้งที่ผมยังไม่แห้งดีโดยที่ใช้ผ้ารองหมอนเอาไว้แถมยังไม่ได้แต่งตัวจะมีก็เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดิมห่อหุ้มร่างกาย

 “ทำขนาดนี้ยังลืมไม่ได้เลย บ้าจริง!”  

 มือหนาวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัวก่อนจะหลับตาลงเพราะอยู่ๆ หนังตาก็หนักขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 เพียงไม่นานเจ้าตัวก็เข้าสู่ห้วงนิทราลงไป

    สัมผัสจากผ้าเย็นๆ ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมานิดหน่อย นึกโมโหอยุ่เหมือนกันที่มีคนมากวนยามที่กำลังนอนสบายแต่อาการปวดตุบบวกกับน้ำหนักของศีรษะทำให้สำนึกได้ว่าตัวเองอาจจะป่วย เปลือกตาค่อยๆ ปรือขึ้นช้าๆ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้าของแรงสัมผัสนั้นคือใคร

 “กอหญ้า...”   

เสียงที่ส่งออกไปดูเหมือนจะแหบแห้งอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำให้เจ้าของชื่อสนใจได้ดีทีเดียว

“คุณตื่นแล้วเหรอ? ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม? ดื่มน้ำหน่อยนะ”   ดูเหมือนเธอจะถามแต่กลับคล้ายพูดคนเดียวเสียมากกว่า

“มาได้ยังไง?”   เป็นอีกคำถามที่คนบนเตียงส่งออกไปหลังจากกอหญ้าช่วยยกตัวให้เขาดื่มน้ำได้สะดวก

“คุณหวังโทรตามให้ฉันมาช่วยดูคุณให้น่ะ ไปทำอะไรมาถึงป่วยขนาดนี้”

 คนป่วยรีบกวาดตามองความเรียบร้อยทั้งบนเตียงและภายในห้องอย่างรวดเร็วแล้วผ่อนลมหายใจบาง ห้องของเขาอยู่ในสภาพเรียบร้อยและไร้ร่องรอยพอที่จะไม่เปิดเผยอะไรแย่ๆ ที่เขาทำไปเมื่อคืน ดีเท่าไหร่แล้วที่เรียกแม่บ้านมาจัดการก่อนที่จะไปอาบน้ำ

“ว่าไงแจ็คสัน... คุณไปทำอะไรมา”    เธอถามทั้งที่มือยังง่วนอยู่กับการเช็ดตัวให้เขา

“ไม่รู้สิ คงนอนทั้งที่ผมยังเปียกแล้วแอร์ก็เย็นมั้ง”  

“ฉันก็คิดว่างั้น...”   เธอบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่นั่นก็ทำให้แจ็คสันเอะใจเมื่อเห็นว่าแขนตัวเองดูโล่งๆ ผิดปกติ

เขามองสำรวจตัวเองในทันทีพร้อมกับเปิดผ้าห่มดูก็เห็นว่าทั้งร่างกายตัวเองมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอวไว้ แล้วการที่กอหญ้ามานั่งเช็ดตัวอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้ระวังตัวแบบนี้มันคืออะไรกัน

 พ่อของเขาเรียกกอหญ้ามางั้นเหรอ?...

 และกับคนป่วย... ที่เป็นผู้ชาย

 ... ถึงแม้จะเป็นลูกชายตัวเอง

 ... แถมมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไว้ปกปิดร่างกาย

 ... มันจะไว้ใจได้แค่ไหนกันเชียว

                                                                                                                                                       

นี่พ่อของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่....

  

"เอ้า... ใส่ซะ" มือบางหย่อนเสื้อผ้าลงบนหน้าอกของแจ็คแถมมันกระจายออกจากกันจนบ๊อกเซอร์แทบโดนหน้าและเขาก็เห็นด้วยว่าเธอแอบขำ

"พ่อคุณจัดให้  ฉันเปล่ารื้อของคุณนะ"  เธอรีบหันมาพูดเพื่อไม่ให้ถูกเข้าใจผิด

กอหญ้ากลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับถาดที่มีถ้วยข้าวต้มและยาก่อนจะวางลงที่ชุดโซฟาเล็กมุมห้อง

"คุณทานข้าวเสร็จแล้วก็ทานยาด้วยนะ"

"กอหญ้า... ฉันป่วยนะ ลุกแทบไม่ขึ้นอยู่แล้ว"

"คุณแค่ป่วยนะ ไม่ได้แขนขาดซะหน่อย"  กอหญ้าบ่น

"โธ่.. ป้อนหน่อยนะ นะ น้าาาาา.."

เจอแจ็คสันอ้อนเข้าเต็มที่ขนาดนี้และเธอเห็นว่าเขาป่วยจริงสุดท้ายก็ยอมยกข้าวต้มมาที่ข้างเตียงจนได้โดยมีคนป่วยนั่งยิ้มไปมองไปอย่างน่าหมั่นไส้

แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่คำเสียงกริ่งหน้าหน้าก็ดังขึ้นทำให้กอหญ้าต้องละมือชั่วคราว ทันทีที่ประตูเปิดออกก็ปรากฏร่างผู้ชายหกคนซึ่งทั้งหมดดูจะอึ้งๆ ไปนิดที่เห็นเธอ ก่อนที่ยูคยอมจะแนะนำให้กอหญ้าและแบมแบมรู้จักกันและพากันเข้ามาในห้องอย่างคุ้นเคย พอสมาชิกในห้องเพิ่มเป็นแปดคน พื้นที่กว้างๆ ของห้องสวีทเลยดูแคบไปถนัดตา แถมหน้าที่ป้อนข้าวแจ็คสันก็มียูคยอมอาสาทำแทน จากนั้นก็พากันเข้าไปถามไถ่คุยเล่นกันในห้องนอนโดยที่กอหญ้าเองก็ถือโอกาสนั่งเล่นอยู่ด้านนอก

"ไง...? ท่าทางดูเหนื่อยๆ นะ" เสียงของเจบีที่ดังขึ้นใกล้ๆ ไม่น่าตกใจเท่าที่เขาใช้แขนอ้อมมายันราวระเบียงโอบเธอเอาไว้

"จะมาสร้างคดีฆาตกรรมกลางวันแสกๆหรือไง?" กอหญ้าเอ่ยอย่างระแวง

"ฉันไม่ร้ายถึงขนาดฆ่าคนหรอกน่ะ"   เขาตอบขำๆ
กอหญ้าหันกลับมามองหน้าเจบีโดยการอิงหลังกับราวระเบียงอย่างแปลกใจที่เขาอารมณ์ดีต่างจากทุกครั้ง

"นายป่วยรึเปล่า? ฉันว่านายดูแปลกๆ" กอหญ้าดันแขนเจบีออกเพื่อจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องแต่เขาขืนเอาไว้จนเธอนิ่วหน้าอย่างเอาเรื่อง

"ไม่ได้ชวนทะเลาะ แค่อยากคุยด้วย"

"ก็คุยห่างๆ ก็ได้"

"ไม่อ่ะ อยากอยู่แบบนี้มากกว่า ..  "

คำตอบของคนที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันอย่างเจบีเล่นเอาเธอไปต่อไม่ถูก กอหญ้าจึงพลิกตัวหันกลับไปทางนอกระเบียงแทนที่จะหันหน้าเข้าหาเขาแบบนี้  
          
"เรา... ญาติดีกันสักที จะดีไหม?"
  เจบีถามก่อนจะหันมาจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของกอหญ้าที่เมินหนีไปทางอื่นอย่างรอคำตอบ
ทว่าขณะที่กอหญ้ากำลังประหม่าก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที

"กอหญ้า... แจ็คสันเรียกน่ะ"  เป็นจูเนียร์นั่นเอง

"อ้อ.. เอ่อ.. ค่ะ" กอหญ้าเดินไปโดยที่ไม่หันมองเจบีอีก

"มองทำไมไอ้เนี่ยร์ "

"มึงมันออกอาการ" 
          
"อาการอะไร" 

"อาการคิดไม่ซื่อน่ะสิ"

"มึงคิดจะทำอะไรกันแน่เจบี"

"กูเหรอ เปล่านี่"  เจบีปฏิเสธ แต่เสียงจากหน้าประตูทำให้บทสนทนาหยุดลง
พ่อของแจ็คสันมาดูลูกชายแล้วบอกว่าจะพากอหญ้าออกไปข้างนอกทำเอาห้องทั้งห้องเงียบไปโดยปริยาย

"พาไปทักทายผู้ใหญ่หน่อย ยืมตัวแปบนะลูกชาย"

แจ็คสันกำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา  ส่วนเจบีก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด  บรรยากาศมันดูอึมครึมจนแบมแบมต้องลากมาร์คออกมาคุยด้านนอกเพราะยูคยอมง่วนอยู่กับการหาของกินโดยมีจูเนียร์ย้ายฝั่งไปตามไล่บ่นอยู่ไม่ห่าง

"มันต้องมีอะไรแน่เลยพี่มาร์ค"  มาร์คมองคนข้างๆ                                            แล้วถอนหายใจก่อนจะยกแขนขึ้นพาดไหล่เล็กแล้วกระซิบ

"มันก็แหง๋อยู่แล้ว" 

"พี่รู้?.. "

"ไม่แน่ใจ..." พูดพลางเอียงศีรษะลงอิงกับเรือนผมสีบรอนด์อ่อนเบาๆ

"เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเลยอ้ะ"  แบมแบมยังคงวิเคราะห์ต่อ

"ใช่.. นุ่มด้วย"

"หืม.. เป็นยังไงวะพี่มาร์ค?"   

"ก็...หอมดี" ว่าแล้วก็กดจมูกลงบนผมสีบรอนด์อ่อนของคนตัวเล็ก  แต่กว่าแบมแบมจะสำนึกได้มาร์คก็สูดเข้าไปเต็มปอดแล้ว

"เฮ้ย! พี่มาร์คแม่ง เผลอไม่ได้เลย!"

"(>_<)"

"โว้ยยยยย!"
แบมแบมเดินหนีไปพร้อมแหกปากอย่างอารมณ์เสียก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวใส่มาร์คอีกทีโดยที่มาร์คก็หาได้สะทกสะท้านไม่

แจ็คสันหลับไปแล้วเหล่าขบวนการจึงทยอยกลับไปเรียนในช่วงบ่ายอันที่จริงเขาก็ไม่ได้ป่วยง่ายดายขนาดนั้นแต่สองวันมานี้เอาตัวไปแช่น้ำนานวันละหลายชั่วโมงเป็นว่าเล่นเพราะมัวแต่คิดอะไรจนวุ่นวายทั้งยังปาร์ตี้สระน้ำเมื่อคืนจนมาจบที่เผลอหลับทั้งที่ผมยังเปียกเลยทำให้ผู้ชายถึกๆ อย่างเขาทรุดได้เหมือนกัน

เจบีกลับออกไปเป็นคนสุดท้ายและทิ้งโพสอิทไว้ที่ประตูว่าจะกลับมาอีกทีตอนค่ำๆ แต่เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูร่างของกอหญ้าก็เดินสวนเข้ามาเสียก่อน ปลายนิ้วที่เฉียดผ่านไปทำให้เขาเลือกที่จะคว้ามือบางเอาไว้

"ฉัน.. เอ่อ.. ผม.. จะมากินข้าวพร้อมแจ็คสันตอนเย็นนะ"  บอกเพียงเท่านั้นเขาก็ปล่อยมือของเธอแล้วเดินออกไป การกระทำของเจบีทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก และท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขานั้นเธอเองก็ตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน ทว่าใบหน้าหวานกลับขึ้นสีระเรื่อจนรู้สึกร้อนอย่างไม่รู้ตัวโดยไร้สาเหตุขึ้นมาเสียอย่างนั้น

  ....แล้วจะมากินข้าวกับแจ็คสันทำไมไม่บอกแจ็คสันล่ะ จะมาบอกเธอทำไม?


แสงสีส้มเริ่มสาดผ่านม่านผืนโปร่งเข้ามาบ่งบอกว่าตอนนี้ใกล้ได้เวลาแสงสุดท้ายของยามเย็น แจ็คสันที่เพิ่งตื่นหลังจากหลับไปหลายชั่วโมงหรี่ตาหลบแดดที่แยงเข้ามาในตาก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งช้าๆแม้ยังรู้สึกหนักศีรษะอยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว

ใครอีกคนในห้องเรียกความสนใจจากเขาไปได้ ร่างหนาสาวเท้าเข้าใกล้เมื่อเห็นว่ากอหญ้านั่งซุกตัวในท่าชันเข่าตรงชุดโซฟาเดี่ยวที่มุมห้องแถมยังหลับทั้งที่ยังมีหนังสือบัญชีการเงินเล่มหนาจนน่ากลัวเปิดทิ้งไว้พร้อมกับเสียบหูฟังที่เพลงยังคงเล่นคาไว้อยู่

"ไม่เมื่อยบ้างหรือไง"

แม้จะป่วยแต่ก็ใช่ว่าถึงขั้นหมดเรี่ยวหมดแรง แจ็คสันดึงหนังสือออกแล้วจัดการช้อนตัวกอหญ้าขึ้นอย่างเบามือที่สุดก่อนจะค่อยๆ วางลงบนเตียงของตัวเองและห่มผ้าให้ จากนั้นก็กดปิดไอพอดที่ลืมถอดออกเมื่อครู่และติดมาด้วยวางไว้ข้างหมอน

"หลับลึกขนาดนี้เดี๋ยวพ่อก็จับปล้ำซะหรอก หึหึ"

พูดไปก็ขำไปอย่างนึกเอ็นดูเขามองคนที่กำลังหลับสบายชั่วครู่แล้วก็เดินออกไปหาน้ำดื่มข้างนอก เขากลับมาที่เตียงและสอดตัวลงข้างคนที่นอนอยู่ก่อนในผ้าห่มผืนเดียวกัน

แจ็คสันนอนมองแผ่นหลังบางที่พลิกตัวหันตะแคงให้อย่างชั่งใจ จากนั้นไม่นานก็ขยับตัวไปใกล้ๆ แขนแข็งแรงยกขึ้นโอบเอวคอดกระชับเข้าหาตัวก่อนจะฝังจมูกลงบนเรือนผมนุ่มและหลับตาลงอีกครั้ง 

ร่างบนเตียงเริ่มขยับเมื่อพลิกตัวแล้วรู้สึกแปลก แขนเล็กออกแรงดันให้อะไรบางอย่างออกห่างแต่แรงสัมผัสทำให้ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นดูแล้วก็พบกับใบหน้าเข้มที่คุ้นตาหลับพริ้มอยู่ใกล้เสียจนอยากจะกรีดร้องให้ลั่นแต่ยังอุตส่าห์ยั้งไว้ทัน

ร่างบางค่อยๆ เลื่อนตัวเองออกจากภาวะเสี่ยงอันตรายต่ออัตราการเต้นของหัวใจอย่างเงียบเชียบก่อนจะรีบโกยกองหนังสือบนโต๊ะเล็กมุมห้องไว้ในอ้อมแขน ทว่าไม่ลืมที่จะจัดยาอีกชุดไว้ที่โต๊ะอาหารพร้อมโพสอิทด้วยความเร่งรีบจนขาแทบจะพันกันให้หกล้มหัวแตกตายอยู่แถวนี้ ส่วนอาหารเย็นค่อยลงไปบอกที่ล็อบบี้แล้วกันเพราะเธอแทบจะแหกปากระบายความประหม่าแกมตื่นเต้นอยู่แล้ว



แกร๊ก...



ทันทีที่เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกเสียงเข้มๆที่ยังไม่อยากได้ยินกลับดังตามมาเสียก่อน

"จะไปไหนน่ะ?"

กอหญ้าสะดุ้งเฮือกก่อนจะเป่าปากเบาๆ เพื่อสงบใจและหันกลับไปด้วยท่าทีนิ่งๆ ทั้งที่ภายในไม่ได้นิ่งอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด

"ฉันต้องกลับแล้ว ไปอ่านหนังสือต่อ"

"งั้นเหรอ? อยู่กินมื้อเย็นเป็นเพื่อนฉันกับเจบีก่อนสิแล้วค่อยไป"

สายตาของแจ็คสันทำให้กอหญ้าหันกลับไปทางประตูที่ตอนนี้เปิดกว้างขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คนที่ยืนทำหน้าเฉยเมยอยู่ตรงนั้นนั่นต่างหากที่ทำให้วิญญาณเธอฉีกออกจากร่างไปกรีดร้องที่ระเบียงเรียบร้อยแล้ว
  
ไม่อยากจะพูดหรอกนะว่าหากต้องรับมือกับแจ็คสันและเจบีเวอร์ชั่นกลับตาลปัตรแบบที่เจอวันนี้มาทั้งวัน หัวใจของเธออาจวายเฉียบพลันได้เลยทีเดียว





...และตอนนี้ แม้คิดจะหลบก็ไม่ทันแล้ว