วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

THE X - Unit 18


THE X - Unit 18

จูเนียร์เปิดประตูห้องพักของกรรมการนักศึกษาเข้ามาด้วยหน้าตาแสนเหนื่อยเพราะเพิ่งเลิกจากคลาสมหาโหดแต่กลับต้องตกใจเพราะเจอกองซากมนุษย์สลบไสลอยู่ก่อนแล้ว

หนังสือที่ถือติดมือมาสองสามเล่มถูกโยนลงตรงร่างเหล่านั้นโดยไม่หยุดคิดสักนิด แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าทำให้พวกนั้นสะทกสะท้านแต่อย่างใด

จูเนียร์ทิ้งตัวลงที่เก้าอี้บุนวมตัวใหญ่อย่างเซ็งที่อุตส่าห์หาเรื่องน่าสนุกอย่างการแกล้งคนทำเพื่อฆ่าเวลาแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับแบบนี้มันสนุกตรงไหน

คนร่างบางที่นั่งครองเก้าอี้ไถให้ล้อหมุนเล่นไปมาทว่าสายตาเฉียบกลับพบอะไรบางอย่างจากกองซากนั้น

มือหนาออกแรงดันตัวขึ้นจากเก้าอี้ก่อนก้าวฉับๆ ไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ แล้วเปิดแอพพลิเคชั่นกล้องขึ้นมารัวอยู่สามสี่รูปและเก็บลงกระเป๋ากางเกง

"ทำอะไรอ่ะจินยอง!"

คนที่เพิ่งมาถึงเปล่งเสียงทักจนเจ้าของชื่อสะดุ้ง

"เจบี..."

"ทำอะไร?"

จูเนียร์ไม่ตอบ แต่ลากคนช่างสงสัยออกมาให้ห่างก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปให้ดูแทน

ตาเล็กๆ ของเจบีเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งนั้น ทว่าที่จูเนียร์ไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าคือความไม่พอใจของเจบี

"แบมแบม..!! ลุกขึ้น!"

ไม่แค่เรียกเปล่าๆ มือหนาของพี่ชายที่มีสีผมคู่กันเขย่าไหล่เล็กที่เป็นหนึ่งในกองซากมนุษย์จนหัวคลอน

"อื้อ..."  

เสียงเล็กดังขึ้นก่อนที่จะยกมือขยี้ตาเบาๆ แต่เจบีก็เอาแต่จับแขนเอาไว้เพื่อเร่งให้ออกมาจากโซฟาตัวหนา แบมแบมปัดขายูคยอมออกจากแขนก่อนจะหันไปดันศรีษะของยองแจให้พ้นสะโพกอีกที

"ไปทำอะไรมา!?" 

เจบีหันหน้าจอให้เจ้าตัวดูผลงานเมื่อลากออกมาห่างจากพวกขี้เซา

"เฮ้ย!!"  

แบมแบมร้องเสียงดังพร้อมยกมือติดกระดุมเสื้อเชิ้ต ก่อนจะปรายตาไปทางเพื่อนที่นอนอยู่แล้วคว้าข้อมือเจบีที่ตีหน้าเข้มให้หันมา

"ว่าไง... รอยนี่คือยังไง?"

"คือ... เมื่อคืนไปเที่ยวมาฮะ"

"แล้ว..?"

"แต่นั่นแหละ... แค่นั้น ไม่มีอะไรเกินเลย"

"ใคร? ผู้หญิงหรือผู้ชาย?"  เจบีถามรัว

"เอ่อ... กะ.. ก็ต้องผู้หญิงสิ!"

ตอบไปแบบหน้าเจื่อนๆ ซึ่งคนเป็นพี่กอดอกมองอย่างจับผิด

"แบมแบมก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบ ถ้าไอ้ยูค ไอ้ยองแจ จะเจ้าชู้ก็ปล่อยมัน แต่ต้องไม่ใช่เรา! เข้าใจใช่ไหม!?"

"เอ่อ.. ขะ เข้าใจฮะ"

เจบีตบไหล่เล็กเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาจูเนียร์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะโดยปล่อยให้แบมแบมทำหน้าหงอยๆ กลับไปที่โซฟา แต่จะให้นอนต่อคงไม่มีอารมณ์แล้ว

แต่ไหนแต่ไรทุกคนหวงเขาแทบตาย จะไปเที่ยวหรือมีใครมายุ่งต้องถูกคนในกลุ่มสแกนก่อน แม้ว่านิสัยแท้ๆ จะทั้งห้าวทั้งเกรียนผิดกับหน้าตาน่ารัก ทุกคนก็ยังไม่เลิกห่วงเพราะถึงอย่างไรก็เป็นที่รักมากที่สุดอยู่ดี

"ไอ้แจ็คสันล่ะ?"

จูเนียร์เลี่ยงที่จะคุยเรื่องแบมแบมต่อแต่เปลี่ยนเป็นถามหาคนที่เรียนด้วยกันกับเจบีแทน

"ไปหาอาจารย์ เดี๋ยวมา"

จูเนียร์พยักหน้ารับรู้แล้วไถเก้าอี้นวมเล่นราวกับกำลังใช้ความคิดเช่นเดิม จนเจบีแปลกใจเอื้อมมือไปยื้อเก้าอี้ให้หยุดนิ่ง

"เป็นอะไร?"

"กูอาจคิดมากไป ถ้าหากมันมีอะไรแล้วกูจะบอก"

"แล้วแต่..."

ไม่ทันไรประตูบานหนาถูกเปิดอีกครั้งตามด้วยร่างของคนที่ถูกถามถึงแถมยังดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

"ไงมึง หน้าเป็นตูด"  แจ็คสันเอ่ยทักทั้งคู่

"กูง่วง ส่วนไอ้เจบีก็..."

"กูหิว"   เจบีขัด

"เออ... หาอะไรกินกันดีกว่า เดี๋ยวกูต้องเข้าพรีเซ้นต์งานตอนบ่ายอีก"  แจ็คสันกระเถิบตัวขึ้นนั่งบนโต๊ะตัวใหญ่ก่อนจะล้วงมือถือมากดยุกยิก

จูเนียร์ลุกขึ้นยืนเป็นคนแรกแล้วตบไหล่แจ็คสันเบาๆ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าไปกันได้แล้ว ชายหนุ่มกระโดดลงจากโต๊ะและก้าวตามโดยมีเจบีอยู่ท้ายสุด

โรงอาหารของมหาวิทยาลัยคนค่อนข้างบางตาแต่ของกินก็ยังมากมายเช่นเดิม ต่างคนต่างแยกไปเลือกซื้อของที่ต้องการทว่าแจ็คสันเหลือบไปเห็นเจบีที่เดินหายไปทางบันไดกับใครสักคนที่เขาคุ้นหน้าจึงเร่งฝีเท้าเดินตามไปเงียบๆ

"เห็นกอหญ้าบ้างไหม?"

คำถามที่ออกมาจากเพื่อนทำเอาแจ็คสันขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าเจบีจะสนใจในตัวเธอ เขาคิดแค่ว่าเพื่อนของเขาต้องการจับตาดู หรือบางทีเขาอาจจะคิดผิดอีกแล้ว

"ไม่รู้สิ"   คนที่ถูกลากมาถามคือโรม นายแบบฮอตที่เคยถ่ายงานกับกอหญ้าแถมยังค่อนข้างสนิทกัน

"นายไม่รู้หรือนายไม่บอก"

"ถึงเราจะเคยทำงานด้วยกัน แต่นายเป็นอะไรกับกอหญ้าล่ะ!?" โรมเหล่มองอย่างไม่ใส่ใจนักแต่ก็มีทีท่าคล้ายรอคอยคำตอบ ลองเป็นรูปแบบนี้ก็เหมือนเผยให้รู้กลายๆ ว่าเขารู้ว่าคนที่ถูกถามถึงอยู่ที่ไหน

แจ็คสันหลบออกไปเมื่อเจบีคล้ายจะรู้สึกได้และมองมาทางที่เขายืนอยู่ทำให้ไม่ได้อะไรเพิ่มเติมแต่คนอย่างเขาก็ไม่เคยอยู่เฉย

เจบีไม่ตอบแต่กลับถามย้ำอีกครั้ง ทว่าโรมเองก็ไม่ยอมหลุดปากจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ

"... ถ้านายไม่ตอบ แล้วฉันจะบอกนายให้ได้อะไรขึ้นมา"

"..."

"ถ้าไม่มีอะไรจะพูด... ฉันไปเรียนหละ.."

"เดี๋ยว!!"

เจบีเอ่ยรั้ง สำนึกได้ว่าหากเขาไม่ทำอะไรสักอย่างมันคงสูญเปล่า

"...ว่ามา"

"คือฉัน..."  เจบียังคงอ้ำอึ้ง ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะนอกจากสถานะเพื่อนเขาเองก็ไม่ได้มีสถานะไหนดีไปกว่าคนอื่นเลย

"พอเหอะ! ... น่ารำคาญจริงๆ เล้ย.."  โรมบ่นพลางล้วงอะไรบางอย่างจากกระเป๋ากางเกงและยื่นให้

เจบีรับมาอย่างงงๆ เขาก้มลงอ่านมันก็พบว่าเป็นนามบัตรโรงแรมแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดทางภาคเหนือ

บรรยากาศของผับที่อยู่ภายในโรงแรมทำเอาคนที่เพิ่งมาถึงแปลกใจ จำนวนคนที่แน่นขนัดจนถึงขั้นเดินลำบาก พื้นที่ภายในก็แทบไม่มีที่ว่าง แต่ก็ยังอุตส่าห์มองหาใครบางคนเจอจนได้

ร่างสูงรอจังหวะที่เธอออกมาด้านนอกจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา

"กอหญ้า!"

เจ้าของชื่อหันขวับก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปและเดินต่อเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียก

มือหนาคว้าข้อมือบางจนเธอต้องหันมา บิกินี่ตัวจิ๋วกับกางเกงขาสั้นกุดทำให้เขาไม่ค่อยพอใจนักทว่าใบหน้าที่แดงจนสังเกตเห็นได้ชัดนั้นบ่งบอกถึงระดับแอลกอฮอล์ได้ดี

"มาหาฉันใช่ไหม? งั้นรอเดี๋ยว!"

หญิงสาวสะบัดมือออกแล้วเดินหายเข้าไปทางประตูอีกด้านทิ้งให้เจบีงงเป็นไก่ตาแตกเพราะไม่เคยเห็นโหมดนี้มาก่อน เพียงไม่นานนักประตูบานเดิมก็เปิดออก มือบางจับแขนเจบีที่ยืนรอให้ตามมาซึ่งเขาก็ตามมาอย่างว่าง่าย

ประตูลิฟท์เปิดออกทันทีที่ถูกกดเรียก กอหญ้าเดินเซเสียจนเจบีต้องถลาประคอง แต่ก็ยังอุตส่าห์พาตัวเองมาถึงห้อง

ห้องนี้เป็นเพียงห้องสตูดิโอธรรมดาไม่ได้แยกเป็นนอนและห้องรับแขก ทว่ากอหญ้าเองเมื่อถอดรอดเท้าเสร็จก็ทิ้งตัวลงบนเตียงใหญ่ทันทีเจบีจึงได้รู้ว่าเธอเมามาก

"มีอะไรก็พูดเลย ฉันฟังอยู่"  เธอพูดทั้งที่ยังหลับตาเพราะอาการปวดหัวตุบเริ่มเล่นงานเข้าให้

"ฉันพูดตอนเธอสร่างดีกว่า"

ไม่อยากจะบอกว่าเห็นสภาพแล้วเขาแทบไม่อยากจะพูดอะไรเลยสักคำ

เจบีหย่อนตัวลงนั่งที่ขอบเตียงก่อนจะใช้หลังมืออังที่หน้าผากและคอของอีกคนท่าทางปวดหัวนั่นทำเขานึกสงสาร

"ประโคมดื่มไปเท่าไหร่ถึงทรมานขนาดนี้เนี่ย"  เขาบ่นเบาๆ

"... ยี่สิบ สามสิบ หลายอยู่... "   ถึงไม่ได้ถามแต่ก็ได้คำตอบ

แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ที่วางข้างๆ ตัวสว่างวาบ เขาเขย่าตัวเจ้าของเครื่องเบาๆ แล้วส่งให้ดูแต่เธอกลับไม่สนใจแถมยังบอกให้เขารับให้อีกต่างหากเมื่อเห็นว่าปลายสายคือแจ็คสัน

แต่เจบีน่ะหรือจะกดรับ... ไม่มีทางหรอก

"คุณยังเกลียดฉันอยู่ไหม? ... ถ้าตอนนี้ไม่ อนาคตก็ไม่แน่หรอก"

เจบีที่เดินออกมาจากห้องน้ำได้ยินแค่ปลายประโยคซึ่งบอกได้เลยว่าเขาไม่เข้าใจ  ผ้าผืนไม่ใหญ่นักถูกชุบน้ำบิดหมาดมาซับตามใบหน้าและลำคอที่ร้อนผ่าว

"เฮ้อ..."

เจบีถอนหายใจเบาๆ เมื่ออีกคนหนึ่งเงียบไปแล้ว ดูเหมือนเธอจะผลอยหลับไป เขานั่งพินิจใบหน้าหวานอย่างคาดเดาไม่ถูกแค่รู้สึกว่าไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้แถมการเลือกที่จะหายมาทำงานไกลถึงนี่เป็นอาทิตย์ก็ดูน่าเป็นห่วง

ทว่ามือบางของคนที่คิดว่าหลับกลับยัดโทรศัพท์ใส่มือมาให้ทั้งที่มีเสียงดังจากปลายสายอีกด้านลั่นออกมา

"ครับ..."   เขาตอบรับอย่างจำใจเพราะถูกกดรับไปแล้ว

[นั่นใคร?]   อีกทางก็ส่งเสียงห้วนมาให้

"เอ่อ.. ผม.. พนักงานร้านอาหารครับ"  เจบีตัดสินใจโกหก

[แล้วยังไง?]

"คือคุณลูกค้าทำหล่นไว้น่ะครับ  คาดว่าพรุ่งนี้คงมาแจ้งที่เคาน์เตอร์ ทางร้านจะทำเรื่องคืนให้ครับ"

เจบีโดนคนเมาเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัว เขาไม่รู้หรอกว่าระบบร้านอาหารจะอะไรยังไงเพราะคงต้องโกหกเอาตัวรอดไปก่อน ไม่อย่างนั้นแจ็คสันคงเดือดน่าดูเพราะเวลานี้ก็ตีสามกว่าเข้าไปแล้ว โชคยังดีที่เจ้าตัวไม่ดึงดันที่จะถามอะไรมากมายจนสร้างเรื่องน่าเวียนหัว

วันรุ่งขึ้นภายในห้องอาหารมื้อเช้า ทั้งคู่ก็พบกันอีกครั้งเพราะเจบีตัดสินใจที่จะเปิดห้องโรงแรมด้วยความเป็นห่วงอีกคนที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง

กอหญ้าในท่าทางปกติทำให้เขาแปลกใจ แถมดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเกี่ยวกับเมื่อคืนอยู่เลยด้วยซ้ำ จนเจบีที่ถือจานอาหารไปนั่งโต๊ะเดียวกันยังแอบงงที่เป็นแบบนั้น

"คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ?" สรรพนามที่แปลกไปทำให้เจบีเลิกคิ้ว

"...."

"ถามไม่ตอบ... หยิ่งสินะ"

"... มารับกลับ" 

พอได้ยินน้ำเสียงแสนกวนก็ตอบกลับไปแบบแทบไม่คิดจนอีกคนเลิกคิ้วบ้าง

"ทำไมต้องมารับ?"

"เป็นห่วง"

คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ ทำเอาคนถามชะงักและเสยกน้ำขึ้นดื่ม บางทีเธอก็ไม่คิดว่าเจบีจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา

"กว่าจะจบงานอีกสองวัน รอได้หรือไงคะ?"

"ถ้าให้รอก็รอ แต่จะทำยังไงให้ไม่ต้องทำงานอีกสองวันนั้นได้บ้าง?"

เขาเห็นจากเมื่อวานที่เธอต้องเดินแบบบิกินี่ทำให้รู้สึกไม่อยากให้ต้องทำงานเปลืองตัวขนาดนั้นในขณะที่ค่าตอบแทนน้อยนิดจนแทบไม่คุ้ม หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ  บางทีเธอก็ไม่เข้าใจเหตุผลของคนตรงหน้าว่าต้องการอะไรกันแน่

สุดท้าย... ทั้งสองวันก็มีแค่เพียงรอบแรกที่เห็นกอหญ้าเดินชุดท้อปบิกินี่เพราะเจบีลงทุ่มเงินจ่ายให้ทางคลับเพื่อไม่ให้เธอต้องโชว์ในสองรอบที่เหลือของแต่ละวันและรอรับกลับด้วยกันในเช้าวันถัดจากคืนจบงาน

ความเงียบปกคลุมมาหลายชั่วโมง มีเพียงบทสนทนาเล็กน้อยหลังจากที่รถออกจากโรงแรมเป็นระยะ  ดวงหน้าหวานนั่งเท้าคางมองไปด้านนอกตัวรถโดยที่ไม่ได้พูดอะไร จนเจบีเริ่มทนไม่ไหว... มือหนาหักพวงมาลัยเข้าปั๊มน้ำมันที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมาทางคนที่นั่งอีกฝั่งโดยใช้ศอกวางบนพวงมาลัยเพื่อยันตัวเองไว้เพราะเห็นว่าใกล้ที่พักของเธอเต็มที

"ฉันไม่ได้มาหาเรื่องนะ! มีอะไรก็คุยกันได้นี่!"

"...ฉันกำลังจะขึ้นปกหนังสือเครืออิมแม็กกาซีนสามเล่มรวด"  กอหญ้าหันมาตอบเน้นคำจนคนถามหน้าตึง

"ทำไม?"  เจบีพึมพำเสียงเบา

"เพราะมันเป็นสัญญาที่เซ็นต์ไปแล้ว.."

"แล้วทำไมฉันไม่รู้.."

"แต่พ่อคุณรู้..."

"หึ!... คนอื่นแคสงานให้ได้ลงซักรูปในหนังสือ แต่สำหรับเธอ!... หวังจะมาสแครชแล้วลงปกเลยงั้นสิ!" 

 

"โห.. ไอ้... ! "   ใจหนึ่งก็อยากจะด่าให้เจ็บใจเล่นๆ น้ำเสียงและท่าทีที่เปลี่ยนไปทำให้กอหญ้ายิ้มบางอย่างหยันตัวเอง

 

"ด่าสิ! รับความจริงไม่ได้ก็ด่าเลย... แต่ระวังตอนฉัน 'เอาคืน' ให้ดีก็แล้วกัน!"

กอหญ้าหันไปคว้ากระเป๋าที่เบาะหลังก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวฉับๆ จากไป ทิ้งให้เจบีหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีซัมติงกับพ่อของเขาไม่ผิดแน่ มือหนาฟาดลงบนพวงมาลัยแรงๆ อย่างหงุดหงิด

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

THE X - Unit 17 : [PG - 13]

THE X – Unit 17

มาร์คนั่งมองจอมอนิเตอร์จอยักษ์อยู่ในห้องทำงานด้วยสายตาเคร่งเครียดเมื่อยูคยอมสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ จากมุมหนึ่งของกล้องวงจรปิดภายในร้านและเรียกให้เขาดูจนต้องสลับหน้าจอขึ้นมาเพื่อดูให้แน่ชัด
และมันก็ชัดจริงๆ เสียด้วย มาร์ครู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่ตัวเองเลือกลงทุนติดกล้องระดับเอชดีขนาดนี้ให้กับคลับในความดูแลของตัวเองหรือบางทีเขาควรจัดการเปลี่ยนมันทุกที่ในเครือเลยดีนะ (ใช่เวลาไหมมาร์ค -_-)
"ผมควรไปดูกอหญ้าหน่อยไหม เผื่อ..." 
"ไม่ต้อง!!"  มาร์คสวนขึ้นทันควันทั้งที่ยูคยอมยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ
ยูคยอมหันมามองมาร์คอย่างงงๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ากอหญ้ามีเขาเป็นเพื่อนแค่คนเดียวที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้แต่ยังออกปากห้ามไว้

"ไอ้เจบีก็อยู่ มึงจะไปทำไม? ไม่เห็นเหรอว่ามันแทบจะอุ้มเพื่อนมึงอยู่แล้วนั่น!"


แหม... บางทีก็ยังแอบหวงแต่ไม่กล้าแสดงออกอยู่นะ


ยูคยอมหันกลับไปที่หน้าจออีกครั้งก็เจอสิ่งที่อึ้งยิ่งกว่าฉากจูบสะท้านสายตาคือแจ็คสันยังคงจูบกับสาวเซ็กซี่จนแทบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแต่องศาของหน้ายังคงหันไปทางที่กอหญ้าและเจบีเดินออกไป
"มึงรอคว้าไอ้แจ็คสันเถอะ เดี๋ยวแม่งพังร้านกู" 
"พี่กลัวร้านพังแต่พี่ไม่กลัวผมเจ็บตัวบ้างเหรอวะ.."
"มึงถึกจะตายห่า ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่ะ!" มาร์คบ่นอย่างรำคาญ
"งั้นขอทำประกันเผื่อเจ็บไว้ก่อนละกันนะ!"


จุ้บ!!...


ยูคยอมก้มลงขโมยจูบรุ่นพี่หน้าหล่อที่ใจดีกับสาวแต่ดุเยี่ยงล็อตไวเลอร์สำหรับเขาด้วยความเร็วเหนือแสงก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไปเฝ้าแจ็คสันตามคำสั่งแบบไม่เหลียวหลังเพราะหากช้าอาจโดนมาร์คประเดิมกระทืบเข้าให้

"ไอ้เวรยูค!! มึง..!!"

มาร์คยกปลายนิ้วขึ้นถูกปากอย่างเอาเป็นเอาตายที่ถูกรุ่นน้องตัวแสบฉวยโอกาสหน้าด้านๆ

ยูคยอมยืนควงแก้วเหล้าเล่นอยู่แถวหน้าบาร์เพื่อรอลากแจ็คสันกลับตามคำสั่งของมาร์ค ด้วยนิสัยเสียอีกอย่างของแจ็คสันคือหากหงุดหงิดและดื่มจนเมาเมื่อไหร่วิญญาณบาร์เทนเดอร์จะเข้าสิงแล้วเมื่อนั้นบาร์เหล้าของคลับคงกระเจิดกระเจิงอีกเป็นแน่เพราะเหตุการณ์แบบนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา

"ทำไมไม่พุ่งใส่กันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยวะ!"  ยูคยอมส่ายหน้าเบาๆ ตาก็ยังจับจ้องรุ่นพี่สายโหดที่คั่วสาวไม่เลิก

"เอาตังกูไปเปิดโรงแรมไหมถ้าจะ .. อะหื้มมมมม ขนาดน้านนนนน"  ว่าพลางกระดกเหล้าเข้าปากไปอีกรอบ และโปรดอย่าถามว่าคิมยูคยอมคุยอยู่กับใคร  ขอบอกอย่างไม่อายเลยว่า... พูดคนเดียว

แถมพูดด้วยความเซ็งล้วนๆ ด้วยเถอะ!

แต่รอได้ไม่นานนักภารกิจที่ได้รับมอบหมายก็เริ่มดำเนินการเมื่อแจ็คสันเดินมาทางบาร์

"พี่แจ็คสัน!!"   
"มีไร!?"
"พี่มาร์คให้มาตาม"  
"ตามทำเชี่ยไร! ไปบอกแม่งไว้คุยกันทีหลัง!"
"เฮ้ยพี่!"  ยูคยอมรั้งแขนแจ็คสันเอาไว้และการกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่เสี่ยงเจ็บตัวเสียด้วย
"ปล่อยกู!ไอ้ยูค!"  

แจ็คสันตวาดจนยูคยอมรู้ว่าคนตรงหน้าเอาจริง  เขาไม่อยากมีเรื่องกับแจ็คสันและที่สำคัญไม่อยากถูกมาร์คด่าแล้วเขาจะทำยังไงล่ะทีนี้

"พี่มาร์คจะคุยกับพี่... เรื่อง... เรื่องกอหญ้า"

ชื่อเดียวที่แวบเข้ามาในหัว ...


ชื่อเดียวที่คิดว่าน่าจะมีอิทธิพลไม่มากก็น้อย ...


ชื่อเดียวที่ยูคยอมฝากความหวังเอาไว้ ...


... แล้วก็ได้ผลเสียด้วย




"มันอยู่ไหน?"
"ห้องทำงาน"
แจ็คสันเปลี่ยนเส้นทางไปหามาร์คทันที  แค่นี้ก็หมดหน้าที่ของยูคยอม รอบนี้ไม่เจ็บตัวอย่างที่คาด
แต่ประกันเผื่อเจ็บที่เก็บมา ถือซะว่าพี่มาร์คคืนกำไรให้แล้วกัน
ประตูออฟฟิศถูกเปิดพรวดโดยไม่มีการเคาะให้เสียเวลาทำให้มาร์คสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าแจ็คสันจะเข้ามา
"มีอะไรจะคุยกับกูไอ้มาร์ค!?"
มาร์คยกนิ้วชี้หันหาตัวเองพร้อมเลิกคิ้วสูงประมาณว่าเขาเนี่ยนะ... แต่พลันนึกได้ว่าคนที่โบ้ยมาให้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากยูคยอม


เออ... เอางั้นก็ได้


"กูแค่สงสัย... ว่าทำไมมึงมันเจ้าชู้ เด็กเยอะ"   เมื่อคิดอะไรไม่ทันมาร์คก็มั่วถ่วงเวลาไปก่อน
"มึงถามตัวเองไหมไอ้คาสโนว่าตัวพ่อ"  แจ็คสันยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองมาร์คด้วยท่าทางกวนๆ
"เด็กมึงก็เยอะ กูว่ามึงเลิกยุ่งกับกอหญ้าเหอะ เด็กป๊ามึงไม่ใช่หรือไง ปล่อยไปสักคน"   มาร์คเข้าเรื่องจนได้ เพราะเขาคิดว่าพูดอ้อมไปก็เสียเวลาสู้ว่ากันโต้งให้รู้เรื่องรู้ราวกันไปเลยก็ไม่ได้
"ถามหน่อย...เป็นมึงจะรู้สึกยังไง ถ้าไอ้ยูคที่เรียกมึงพี่มาร์คทุกวัน แล้วอยู่ดีๆมาเรียกมึง มิสเตอร์ต้วน หรือลูกชายผู้บริหารเครือทีเอ็น"
"อย่าบอกนะว่า.. "
"ใช่!.. กูเองที่ยัดตำแหน่งเด็กของป๊าให้กอหญ้าจะได้ไม่มีใครกล้ายุ่ง! เพราะกูรู้ว่าทุกคนก็คิดแบบนั้น แถมป๊ากูก็เอ็นดูกอหญ้ามากแม้บางทีก็เกินไปหน่อยจนกูเครียดไม่เว้นแต่ละวัน  แต่พอป๊ากูพูดว่าถ้ากูขอเขาก็จะให้ ทำให้กูคิดว่า... นี่กูกำลังพลาดอะไรไป แล้วแบบนี้มันคืออะไรวะไอ้มาร์ค!?"
"เอ่อ..."    มาร์คถึงกับติดอ่างชั่วขณะ
"สำหรับกอหญ้า... กูอาจเป็นได้แค่ลูกชายคุณหวัง! ไม่ใช่ผู้ชายที่ชื่อแจ็คสันอีกแล้วละมั้ง"
"แล้วทำไมมึงไม่พูดกับเค้าตรงๆ มึงจะต้องสร้างเรื่องให้มันยุ่งทำไม!?"  บางทีมาร์คก็โคตรจะไม่เข้าใจความคิดแจ็คสัน หวังเอาเสียเลย
"กะ..กู... "   แจ็คสันอึกอักก่อนจะถอนหายใจหนักๆ
"กูก็... ทำเรื่องไว้"



นั่นประไร... ความจริงหมดในคราวเดียวไม่มีในพจนานุกรมของแจ็คสัน หวัง



"เรื่องอะไรของมึงอีกล่ะ"    มาร์คชักรำคาญไอ้เพื่อนเรื่องเยอะแต่กว่าจะอ้าปากพูดแต่ละทียืดยาดเหลือเกิน
"กอหญ้าเจอซองฟรอยด์ใช้แล้วในรถว่ะ.. แล้วก็ลงรถไปเลย กลับมาเจอกันอีกทีก็ตอนป๊าพามาที่บริษัท"
มาร์คฟังแล้วอยากร้องหายาดมคู่แฝด นี่มันความผิดพลาดครั้งใหญ่เลยนะ
"ไอ้เชี่ยแจ็ค! เป็นกู.. กูก็ไม่อยากเจอ ไม่อยากจำหรอก คนอย่างมึง! คดีซองถุงยางยังไม่เคลียร์ เสือกมีหน้าไปก่อเหตุจูบท้าสายตาขนาดนั้น!"
"มึงรู้ได้ไง"
"แหกตาดูซะ นี่กล้องร้านก็ไม่ได้ติดไว้ประดับร้านเล่นๆนะมึง"  มาร์คเคาะลงบนจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่
"แต่กูทำขนาดนั้น ..ยังไม่รู้สึกอะไร แถมเดินไปกับไอ้เจบีเฉยๆ เลย"
"เฮอะ! เค้าเป็นอะไรกับมึงถึงต้องรู้สึก แล้วจะต้องแสดงออกยังไงมึงถึงจะพอใจ...แล้วพอใจจริงเหรอ? ถ้ากูเป็นไอ้เจบีมึงโดนต่อยคว่ำไปแล้ว ไอ้ควาย.. ยิ่งมันชะ.. เฮ้อ ช่างแม่ง" มาร์คยั้งปากไว้ทันแล้วเสเปลี่ยนเรื่อง
"ไป กูไปส่งมึงที่บ้าน"
"ไม่ต้อง!"
"ถ้ามึงไม่ฟังกูจะโทรฟ้องป๊าเดี๋ยวนี้แล้วบอกว่ามึงทำอะไรไว้บ้าง!"
"มึงกะแบล็คเมล์กูเหรอ?"
"นี่กูทำเพื่อมึงนะ เพราะกูรู้ถ้าปล่อยมึงไป มึงจะไปไหนและนั่นไม่เป็นผลดีแน่ๆ เชื่อกูบ้างไอ้แจ็ค หรือลองคิดดูว่ามึงทำพลาดไปกี่ครั้งแล้ว"
ยูคยอมถูกมาร์คใช้ให้ขับรถตามมารับที่บ้านแจ็คสันเพราะเขาเป็นคนขับรถของแจ็คสันพร้อมเจ้าของมาส่งที่บ้านด้วยตัวเอง ทันทีที่แจ็คสันก้าวเข้าไปในบ้านมาร์คก็กลับมาที่ยูคยอมจอดรถรอไว้
"กลับไหนพี่?"
"บ้านกูสิ"
"แต่ผมง่วง... งั้นขับกลับบ้านผมเลยนะ"  ยูคยอมออกรถราวกับการตกลงได้จบแล้วทว่าความจริงไม่เลยสักนิด
"ไอ้ยูค คือมันถึงบ้านกูก่อนป่ะวะ"   มาร์คค้านนิ่งๆ
"แต่ผมจะทำให้ถึงบ้านผมก่อนมีปัญหาอะไรไหมครับพี่มาร์คคนสวย..."   ยูคยอมยิ้มตาหยีอย่างไร้เดียงสามาให้จนมาร์คต้องเมินหน้าหนี แต่ก็ยังแอบด่าในใจ


"ไอ้เด็กตีสองหน้า!"





ยูคยอมขับรถของมาร์คเข้าจอดในบ้านตัวเองโดยไม่ถามความสมัครใจของเจ้าของแต่หากถามก็คงไม่ได้คำตอบเพราะมาร์คกำลังรัวแชทกับแจ็คสันอย่างเอาเป็นเอาตาย เงยหน้าขึ้นมาอีกทียูคยอมก็เดินมาเปิดประตูรถให้เสียแล้ว
บ้านยูคยอมเงียบมากเพราะเขาอยู่คนเดียว มาร์คมองหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไปจากช่วงแรกด้วยความแปลกตา
"แต่งบ้านใหม่เหรอ?"
"ไม่ได้แต่งใหม่  แค่จัดของนิดหน่อย"
ขายาวก้าวนำขึ้นชั้นสองไปเรื่อยๆโดยมีอีกคนคอยตาม ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดโดยคนที่ไม่ใช่เจ้าของบ้านก่อนจะยู่ปากนิดๆ เมื่อหาเสื้อผ้าของตัวเองไม่เจอ

"ยูค... ชุดกูล่ะ"

"หาดีแล้วยัง? ถ้าไม่มีคงเอาไปซักมั้ง?"   ยูคยอมเอ่ยเรื่อยๆ แล้วเดินมารื้อหาอยู่สักพักก็ยื่นเสื้อยืดแขนสั้นยัดใส่มือมาร์ค

"อ้ะ.."

"โห...นี่เสื้อคนหรือเสื้อหมี!?"  มาร์คอุทานเมื่อลองทาบขนาดกับตัวเอง

"ใส่ๆ ไปเถอะน่า ส่วนกางเกงจะใส่ไม่ใส่ก็แล้วแต่เลย"

"ดูปากพี่มาร์คนะน้องยูค ไอ้-เชี่ย"

มาร์คเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ส่วนยูคยอมก็เดินออกไปหยิบเหยือกน้ำเย็นพร้อมแก้วสองใบใส่ถาดมาวางไว้ในห้องเพราะหากตื่นขึ้นมาหิวน้ำจะได้ไม่ต้องเดินไกลก่อนจะวิ่งไปอาบน้ำอีกห้องด้วยความไวแสง

มาร์คออกมาจากห้องน้ำก็เห็นยูคยอมนั่งพิงหัวเตียงกดเกมส์เล่นอย่างเมามันส์ก่อนจะวางเกมส์ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงเมื่อเห็นมาร์คทำท่าจะนอน

"ผมเอาน้ำมาวางไว้ให้ พี่จะได้ไม่ต้องเดินไกล แล้วนี่กินก่อนนอนจะได้หลับสบาย"

ยูคยอมเดินไปหยิบแก้วน้ำมาให้ซึ่งมาร์คก็ทำหน้ารับรู้ จากนั้นก็รับแก้วน้ำของรุ่นน้องมายกดื่ม แต่เมื่อไหลลงคอไปแค่นิดเดียวก็รู้ทันทีว่ามันเป็นเหล้า! ไม่ใช่น้ำเปล่า!

มาร์คเบิกตากว้างแล้วหันซ้ายหันขวาเตรียมบ้วนทิ้งแต่ยูคยอมไวกว่า ริมฝีปากของรุ่นน้องประกบลงที่ปากของคนเป็นพี่เพื่อสะกัดกั้นไม่ให้ทิ้งแถมทั้งยังกดจูบแนบแน่นและเป่าลมใส่เล่นๆ  เพื่อให้ของเหลวในปากไหลลงคอพี่ชายหน้าสวยเป็นการบังคับให้กลืนมันลงไป ทั้งมือแข็งแรงยังกระชับต้นคอระหงไม่ให้ขยับออกอีกต่างหาก
สุดท้ายมาร์คก็แพ้เพราะหายใจไม่ออกและยูคยอมไม่ยอมปล่อยทำให้จำต้องกลืนเหล้าแก้วใหญ่ที่พลาดยกดื่มลงคอไปทั้งหมดแล้วมันน้อยเสียที่ไหน ... เต็มแก้วในคราวเดียว ถึงขั้นมึนตึ้บ

"คราวนี้น้ำจริงๆ หึหึ..." ยูคยอมยื่นน้ำที่เพิ่งเทมาใหม่ให้มาร์คดื่มอีกครั้งเพราะดูจากอาการคงคอแห้งไม่น้อย ใจนึงมาร์คก็อยากจะโบกไอ้เด็กหมียักษ์ตรงหน้าแต่หากเหวี่ยงมือไปแล้วไม่โดนหัวคงเจ็บใจน่าดู งั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

ยูคยอมทิ้งตัวลงนอนข้างมาร์คที่ยกมือกุมขมับด้วยความมึนเฉียบพลันด้วยรอยยิ้ม รุ่นน้องนอนตะแคงยกมือท้าวศีรษะมองคนเป็นพี่ก่อนจะห่มผ้าให้ มือหนาเลื่อนมือมาเกลี่ยปอยผมสีแดงที่ปรกตาอยู่ให้จากนั้นก็เริ่มไล้นิ้วเล่นไปตามสันจมูกสวยอย่างแผ่วเบาทั้งที่คนพี่ยังกุมขมับที่เต้นตุบๆ ไม่หยุด

ปลายนิ้วยาวไล่สัมผัสสันกรามได้รูปจนมาแตะผิวเผินอยู่ที่ริมฝีปากนุ่มสีเชอรี่ รุ่นน้องผิวขาวจัดการพลิกรุ่นพี่ตัวบางหันตะแคงหาตัวเองก่อนจะเริ่มรุกล้ำด้วยการใช้ริมฝีปากของตัวเองกดย้ำๆ เป็นการหยั่งเชิงแต่เมื่อมันได้รับการตอบสนองจากลิ้นร้อนอันแสนนุ่มนวล เด็กรุ่นน้องก็เริ่มไล่ควานความหวานที่โหยหามาตลอดแต่ถูกปฏิเสธแล้วปฏิเสธเล่าจนน่าน้อยใจ

เมื่อคนหนึ่งก็ขึ้นชื่อว่าคาสโนว่า... อีกคนก็เป็นจอมเจ้าเล่ห์... แค่รสจูบคงไม่ต้องมีใครยอมใครให้หอบเหนื่อยหรือขาดอากาศหายใจ แถมตอนนี้ร่างของมาร์คก็คร่อมอยู่บนตัวของยูคยอมด้วยฝีมือของคนที่อยู่ใต้ร่างและเสื้อตัวโคร่งที่เคยยื่นให้ใส่ก็ไม่ได้อยู่บนกายอีกต่อไปแล้ว

"อะ... อื้มมม... พะ..พอ พอแล้ว.."

เสียงสั่นๆ ของมาร์คร้องห้ามเมื่อมือสากของรุ่นน้องตัวโตลูบลากผ่านแทบทุกส่วนของร่างกายบางพร้อมขบเม้มเค้นคลึงทิ้งความเสียวซ่านเอาไว้ให้แต่ยูคยอมยอมหยุดง่ายๆ เสียที่ไหน
ยูคยอมไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งกับมาร์ค และมาร์คก็พยายามเลี่ยงที่จะอยู่กับยูคยอมแค่สองคน เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดครั้งแรก คนหนึ่งระวังตัวอยู่ตลอดส่วนอีกคนก็เจ้าเล่ห์หาที่เปรียบไม่ได้... ก็ดูอย่างวันนี้สิ
ร่างหนาจับร่างของคนเป็นพี่ลงแล้วสลับขึ้นคร่อมร่างแทน นอกจากเสื้อที่หายไปเจ้าบ็อกเซอร์ที่เคยสวมก็กำลังจะหลุดออกจากร่างไปด้วยเหมือนกันด้วยฝีมือของยูคยอมเช่นเดิม
ดวงตาแสนซื่อฉายแววซุกซน สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือการที่ได้เห็นสีหน้าและการตอบสนองเมื่อถูกตัวเขาสัมผัสจากคนที่ถูกตั้งฉายาว่าคาสโนว่าหน้าสวยคนนี้ต่างหาก

ไม่ใช่แค่หลงใหลแต่มันคือความรัก...

ถึงแม้ยูคยอมจะพยายามเปิดใจชอบคนอื่นบ้างแต่สุดท้ายเขาก็รักคนอื่นไม่ได้

แต่มาร์คกลับไม่ยอมรับมันเสียที

ลิ้นร้อนไล้วนและพรมจูบอยู่แถวซอกคอขาว ส่วนมือก็ลากผ่านแกนกลางลำตัวที่ไร้เนื้อผ้าอย่างจงใจ
มาร์คร้องฮือทันทีที่ของตัวเองที่กำลังขยายถูกสัมผัสด้วยมือและเสียดสีของอีกคนผ่านเนื้อผ้า ยูคยอมเลื่อนตัวเองลงมาที่หว่างขาขาวของร่างบางไม่ลืมที่จะลากจูบอุ่นๆ ทิ้งทวนตามรายทางจนอีกคนบิดเร่า

"ซี๊ด.. อ่า.."

มาร์คซี๊ดปากแรงแล้วกัดปากล่างแน่นอย่างข่มอารมณ์เมื่อยูคยอมคว้ามือของมาร์คมาวางแหมะที่แกนกายของมาร์คเองและจัดการรูดขึ้นลงเป็นจังหวะโดยมีมือของยูคยอมซ้อนอยู่ด้วยแต่ริมฝีปากยังขบเม้มที่ต้นขาที่ถูกจับยกชันขึ้นทั้งสองข้าง
สุดท้ายมาร์คก็ทนไม่ไหวจนต้องขยับมือรูดรั้งถี่รัวตามธรรมชาติโดยปล่อยให้ยูคยอมทำหน้าที่ปลุกเร้าให้อย่างชำนาญ สะโพกเนียนยกเกร็งเมื่อปลายนิ้วของอีกคนทำท่าจะเข้าใกล้ช่องทางที่ไม่เคยผ่านการรุกล้ำ  รุ่นน้องตัวโตยกยิ้มอย่างสมใจที่ทำให้มาร์คสติหลุดได้  เสียงครางหวานที่โปรดนักกำลังดังกระชั้นพร้อมแรงหายใจหอบ

ยูคยอมรั้งมือคนเป็นพี่ไว้ก่อนจะโหมจูบอย่างเร่าร้อนซึ่งต่อให้มาร์คหายมึนจากเหล้าแก้วใหญ่แก้วนั้นไปโขแต่ก็สู้อารมณ์ของตัวเองไม่ไหวแล้ว

"ผมมีอะไรจะบอก..."

ยูคยอมกระซิบแผ่วข้างใบหูเล็กของรุ่นพี่ตัวขาว ไม่ทันที่จะนึกอะไรออกความเย็นแปลกๆ ก็สัมผัสเข้าที่ช่องทางด้านหลังของมาร์คจนเจ้าตัวสะดุ้ง

"ยูคยอม!" มาร์คร้องเสียงหลง เขายกมือปัดป้องพร้อมกระถดตัวหนี

"ชู่วววววว... ไม่ต้องตกใจนะครับที่รัก แค่เทส... สัญญา"

น้ำเสียงบวกกับหน้าตาใสซื่อออดอ้อนปลอบ  รู้ทั้งรู้ว่าเชื่อไม่ได้แต่มาร์คก็เลือกจะเชื่อ เพราะยูคยอมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่เคยเลยจริงๆ
ร่างหนายกตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วจับอีกคนนั่งคร่อมบนหน้าขาและดันให้เอนหลังบนขายาวที่ยกขึ้นชันของตัวเอง นิ้วเรียวที่ชโลมเจลหล่อลื่นเริ่มกดสำรวจก่อนสอดนำร่อง

"อ๊า..~ ยะ ยูคยอม.."

คนถูกรุกล้ำหลุดคราง หลังเนียนเอนแนบหน้าขาของยูคยอมด้วยความเจ็บระคนเสียว มือบางจิกเล็บที่ลำตัวหนาของยูคยอมเพื่อระบายความซ่านสยิว มือบางกลับมาทำหน้าที่อย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เพียงนิ้วเดียวที่ขยับตรงจุดกระตุ้นก็ทำให้มาร์คแทบคลั่งแต่คนที่พรมจูบสร้างรอยคิสมาร์คไม่เลิกนั้นทรมานยิ่งกว่าเมื่อร่างกายของตัวเองเริ่มทนกับความต้องการแทบไม่ไหว จุดอ่อนไหวกลางลำตัวคับแน่นจนคนด้านบนรู้สึกได้แถมยังลูบเค้นคลึงอย่างมันส์มืออีกต่างหาก

"ฮื้อ..อย่าเกร็งสิที่รัก"

คนตัวโตเอ่ยพร้อมโน้มตัวเข้าหาและส่งเรียวลิ้นร้อนหยอกล้อที่หน้าอกทั้งสองข้างจนเมื่อจะผละออกกลับถูกมือของอีกคนกดเอาไว้ไม่ให้ไปไหน แถมมือบางขยุ้มกลุ่มผมหนาเพื่อระบายอีกต่างหาก
นิ้วเรียวถูกชักออก ก่อนจะเริ่มเสริมจำนวนนิ้วเป็นสองสะโพกบางก็ยกสูงพร้อมกับมือที่ยังทำหน้าที่ไม่หยุดหย่อน ตามมาด้วยเสียงครางสะท้านที่กำลังใกล้ถึงจุดปลดปล่อยในไม่กี่วินาทีข้างหน้า
"อึ้ก... อื้อ... อ๊า..."
ยูคยอมกดจมูกแรงๆ ลงบนแก้มขาวของรุ่นพี่ที่ทิ้งตัวอย่างเหนื่อยหอบ การเป็นผู้ถูกกระทำมันต่างจากเป็นคนกระทำตรงที่รับความเสียวซ่านจนหมดเรี่ยวหมดแรง
เขาซับเหงื่อบนใบหน้าให้เบาๆ อีกครั้งก่อนจะยกตัวมาร์คให้นอนดีๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำทำภารกิจของตัวเองที่คั่งค้างจนสร้างความทรมานบ้าง จากนั้นจึงกลับมาจัดการดูแลคนที่เพลียจนน่าหมั่นเขี้ยวอีกที








กลับไปหน้าบทความทางนี้เลย >> http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1212589&chapter=18