วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

THE X - Unit 37




THE X - Unit 37

          
            ร่างสูงเจ้าของผมสีชมพูซีดวิ่งติดสปีดฝ่าดงนักศึกษาที่อยู่เต็มทางเดินด้วยความกังวล ในมือกำหนังสือนิตยสารที่เพิ่งซื้อมาจากมินิมาร์ทในมหาวิทยาลัยแน่น ขายาวพยายามเร่งความเร็วขึ้นให้สมกับความร้อนใจของตัวเอง
“แจ็คสันฮยอง!”   ยูคยอมร้องเรียกด้วยภาษาบ้านเกิดทันทีที่ผลักประตูเข้าห้องสโมสรนักศึกษาอันอัดแน่นไปด้วยสมาชิกครบองค์ประชุม
ร่างสูงหอบแฮ่กจนต้องใช้สองมือค้ำเข่าแต่ยังอุตส่าห์ยื่นหนังสือเจ้าปัญหาให้เจ้าของเรื่อง ซึ่งมาร์คก็เดินมารับไปส่งให้แจ็คสันก่อนจะหันมาสนใจเด็กตัวโตที่ยืนลิ้นห้อยอยู่ที่เดิม

หน้าปกหนังสือก๊อตซิปเล่มนั้นมีรูปแจ็คสันและกอหญ้าเด่นหราด้วยขนาดหนึ่งส่วนสี่แบ่งร่วมกับข่าวนักแสดงคนอื่นแต่หัวข่าวที่พาดอยู่ทำเอาเจ้าตัวรีบเปิดดูภาพด้านในเล่มอย่างร้อนใจ

‘เม้าท์สนั่น! ไฮโซหนุ่มดอดย่องคอนโดนางแบบฮอต…ยันฟ้าสาง’

ทว่าเพียงแค่ตัวอักษรบนหน้าปกก็ถึงกับทำให้เจบีมองหน้าแจ็คสันอย่างต้องการคำตอบและควรเป็นคำตอบที่ดีด้วย แต่คนถูกมองก็หาได้ใส่ใจเพื่อนมากไปกว่าเนื้อข่าวข้างใน

‘โชคไม่เข้าข้างเมื่อมือดีถ่ายภาพไฮโซหนุ่มแจ็คสัน หวัง ดีกรีทายาทโรงแรมดังเอาไว้ได้หลังจากกำลังเดินออกจากคอนโดที่พักของนางแบบฮอต กอหญ้า X-Girl ตอนเช้าตรู่ ที่มองยังไง้ยังไงก็คล้ายชุดอยู่บ้าน ทั้งที่ก่อนนี้ให้ข่าวว่า... แค่ดูๆ กันอยู่

สงสัยในอนาคตอันใกล้ งานนี้อาจมี...ฟ้าแลบ!’

ภาพประกอบหลายภาพถ่ายชัดเจนเสียจนไม่สามารถแก้ตัวได้ แจ็คสันเขวี้ยงหนังสือลงกับพื้นอย่างแรงจนเสียงดังลั่น ใบหน้าเข้มแสดงชัดบ่งบอกว่าไม่พอใจเนื้อข่าวอย่างมาก ส่วนเจบีก็ขยับเข้ามาเพื่อรอคอยคำแก้ข้อสงสัยของตัวเองอย่างข้องใจเช่นกัน

“กูไม่ได้ทำอะไรกัน! อย่ามองกูแบบนั้นไอ้เจบี!”
“ให้มันจริง!”   เจบีเสียงเข้มใส่
“ถ้ามันเป็นตามในข่าวจริงๆ ... กูคงได้หัวเราะใส่หน้ามึงไปแล้ว!”   แจ็คสันตอกกลับอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปทางยองแจที่กำลังก้มเก็บหนังสือเจ้าปัญหาขึ้นมาดู
“ไอ้ยองแจ! มึงอ่ะจัดการเลย!”
“อ้าว...ไอ้เฮีย! แล้วผมจะทำอะไรได้วะครับ... บอกป๊าเฮียนู่นเหอะ” ยองแจหน้าเหวอเมื่ออยู่ดีๆ ก็ได้รับมอบหมายหน้าที่สุดหินมาให้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“แล้วไอ้จุดจุดจุด ยันฟ้าสาง นี่มันแทบไม่ต้องคิดเลยนะว่าเว้นไว้ต้องการให้คิดอะไร ฟ้องซะดีมั้ยไอ้หนังสือนี่!?”  แบมแบมที่ชะโงกหน้ามามองเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“แล้วที่ลงท้ายว่าฟ้าแลบนี่มันเกี่ยวอะไร? ทำไมอยู่ดีๆ คือ...ฝนตก?”  ยองแจทำหน้าสงสัย เขาไม่เข้าใจสำนวนพวกนี้จริงๆ จนแบมแบมที่ยืนข้างๆ ส่ายหน้าอย่างระอาใจและอธิบายให้ฟัง
“มันก็แปลว่า... ตั้งท้องไง! ท้องจนต้องแต่งงานแบบเร่งรีบน่ะ”
“แรงเหมือนกันนะ”   ยองแจตาโต
“ไม่ได้แค่แรงเฉยๆ แต่มันแรงมากต่างหาก เขียนแบบนี้กับผู้หญิงได้ยังไง”   ยูคยอมบ่นอย่างไม่ชอบใจ
“แต่นี่มันชัดมาก... เหมือนถ่ายจากกล้องโปร ถ้าให้เดาน่าจะเป็นพวกปาปารัซซี่มากกว่าคนทั่วไปถ่ายแล้วส่งไปให้”  เจบีวิเคราะห์จากรูปในหนังสือเพราะจากความละเอียดหากขยายรูปให้ใหญ่กว่านี้ก็ยังเห็นชัดเจนไม่ต่างจากเดิม
“จะบอกว่าหนังสือส่งนักข่าวมาตาม หรือปาปารัซซี่ถูกจ้างมาล่ะ”  มาร์คตั้งคำถามจากข้อสังเกต
“กอหญ้าไม่ได้ดังมากหรือมีข่าวฉาวเยอะจนต้องมีนักข่าวมาซุ่มหรอกนะ”  แจ็คสันแย้ง
“งั้นก็มีแนวโน้มว่าเป็นปาปารัซซี่สินะ”   มาร์คมีสีหน้าครุ่นคิด
“ถ้ามีคนสร้างข่าวดิสเครดิตล่ะ?”  จูเนียร์ที่เงียบมาตลอดตั้งข้อสงสัยแต่ก็ทำให้ทั้งหมดในห้องหันไปมองอย่างสนใจในความคิดของเขา

หนุ่มหน้าหวานผู้ควบตำแหน่งประธานนักศึกษาลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินมาหยิบหนังสือก๊อตซิปในมือยองแจไปพิจารณา นิ้วเรียวยาวเคาะปลายคางราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นไปได้และตัดสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ผุดขึ้นมาในสมอง
เขาปรายตามองเจบีและแจ็คสันก่อนจะก้มมองหน้าปกหนังสือในมืออีกครั้ง
“มันจะสร้างความเสียหายอะไรนอกจากเสียชื่อเสียงไหม?”
“อาจจะไม่...”   หนึ่งเสียงของแจ็คสัน
“หรืออาจใช่...”  อีกหนึ่งเสียงของเจบี
สองหนุ่มมองหน้ากันราวกับนึกอะไรบางอย่างออก ทั้งคู่รีบต่อสายหาผู้เป็นพ่อของตัวเองทันทีเพื่อตามความเคลื่อนไหวที่มากกว่านั้น

“อืม... แต่รูปสวยดีนะ” 

น้ำเสียงของจูเนียร์แสดงออกถึงความชื่นชม ทว่าเรียกสายตาของเจบีกับแจ็คสันได้ในเสี้ยววินาที และเมื่อตาสองคู่สังเกตเห็นที่มาของประโยคนั้น พวกเขาก็ประสานเสียงเข้มโดยมิได้นัดหมาย

“ไอ้เนียร์!!”

เจ้าของชื่อสะดุ้งพลางส่งยิ้มจืดชืดให้... ก็แค่ดูรูปเซ็กซี่ของกอหญ้าที่ใช้ประกอบข่าวทำไมต้องเคืองด้วยเล่า...

ปฏิบัติการแก้ข่าวก็เกิดขึ้นในค่ำวันนั้นเองเมื่อบุคคลในข่าวคาวที่ถูกพาดหัวแฉควงคู่กันไปร่วมงานอีเว้นท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์แถมยังเต็มไปด้วยนักข่าวทั้งสายสังคมและบันเทิงเดินกันให้ควั่กเต็มงานไปหมด ซึ่งนักข่าวเองก็ไม่พลาดที่จะถามถึงประเด็นร้อนที่กำลังฉาวอยู่ในขณะนี้ของกอหญ้า
การให้สัมภาษณ์แฝงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยเนื่องจากคอนโดที่หญิงสาวพักอยู่เป็นโครงการของเครือ W Group จึงไม่แปลกที่ลูกชายเจ้าของโครงการจะมีห้องพักสักห้องอยู่ในสถานที่แห่งนั้น
แม้จะหยุดข่าวไม่ได้เสียทีเดียวแต่คาดว่าตามหลักฐานอ้างอิงคงทำให้ระดับความแรงของเรื่องนี้ก็ลดไปได้กว่าครึ่ง

ทว่าสิ่งที่ไม่ได้เตรียมใจว่าจะได้พบกลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพร้อมกับตรงมาหา ขาเรียวขยับถอยพลางกวาดตาหาคนที่มาด้วยอย่างวิตกลึกๆ
“ดีใจจังที่ได้เจอ...”   น้ำเสียงที่ดูร่าเริงเอ่ยทักแต่สีหน้าและแววตาของเจ้าของเสียงนั้นไม่น่าไว้ใจสักนิดในความคิดเธอ
“แต่ฉันไม่ดีใจ...”   หญิงสาวตอบกลับ
“พูดแบบนี้กับ‘พี่’เลยเหรอ? ยังใจร้ายเหมือนเดิมนะ... บาร์บี้เกิร์ล”   ร่างสูงกว่าตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก
“หยุดเรียกแบบนั้นนะทีเค!”   เธอเค้นเสียงใส่แต่เบาเกินกว่าคนฟังจะรู้สึกกลัว แต่ต่อให้ดังกว่านี้ก็ไม่มั่นใจนักว่าเขาจะสะทกสะท้าน
“ต้องการอะไร!?”  คราวแรกตัดสินใจที่จะเดินหนี แต่เกิดเปลี่ยนใจหันกลับมาถามตรงๆ ส่วนคำตอบที่ได้นั้นทำให้รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่อยากรู้จนอยากจะตีตัวเองแรงๆ สักที

“ฉันต้องการเธอ”

“...!”

โชคดีที่ทีเคผละไปก่อนที่แจ็คสันจะเดินกลับมาหา แม้จะมีสีหน้าสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรทั้งกอหญ้าเองดึงเขาไปทางอื่น ซึ่งหลังจากนั้นเธออยู่ในงานด้วยความระแวงจนแทบจะประสาทเสียเมื่อมักจะมีรอยยิ้มอันไม่น่าไว้ใจของทีเคเข้ามาให้เห็นในสายตาอยู่เสมอ
“ทำไมวันนี้ดูเหนื่อยๆ?”   แจ็คสันกระซิบถามเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีของกอหญ้า
“สงสัยเพราะเครียดมั้ง”  หญิงสาวตอบเลี่ยง
“ให้พี่ช่วยคลายเครียดให้ไหม?”  ชายหนุ่มยังอุตส่าห์เจ้าชู้ใส่
“ข่าวแก้ไปยังไม่ทันลงสื่อ จะหาเรื่องใหม่อีกแล้วเหรอ? ไปไกลๆ เลยชิ่ว!...”  เธอสะบัดมืดน้อยๆ เป็นเชิงไล่
“... ถ้าพี่ไปอย่ามาร้องไห้นะ คิคิ”   แจ็คสันกระเซ้า
“หลงตัวเอง”   หญิงสาวว่า
“หล่อขนาดนี้... มันก็เป็นเรื่องธรรมดาแหละนะ”
ทั้งคู่ยังต่อล้อต่อเถียงกันไปเรื่อยอย่างไม่หยุดหย่อนแต่กลับเรียกรอยยิ้มให้กับหลายๆ คนที่ได้เห็นเพราะความน่ารักของพวกเขาที่แสดงออกต่อกันด้วยความสนิทสนมและเป็นธรรมชาติ
กว่าจะจบงานก็ปาไปดึกโขแต่แจ็คสันก็ยังตาสว่าง วันนี้ชายหนุ่มเพียงแค่ส่งกอหญ้าที่ล็อบบี้ของคอนโดเพื่อป้องกันการเป็นข่าวอีกครั้งหากมีใครหลงเหลือในการซุ่มอยู่อีก แต่ใช่ว่าเขาจะรามือโดยง่ายเพราะปลายสายในเครื่องมือสื่อสารที่แนบหูอยู่ตอนนี้ก็คือคนที่เขาเพิ่งมาส่ง
ร่างบางดูผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นเมื่อกลับมาถึงที่พักของตัวเองเหตุเพราะรู้สึกปลอดภัย มือเรียวเปิดประตูกระจกเพื่อออกไปสูดอากาศเย็นๆ ริมระเบียงก่อนจะทอดสายตาลงไปด้านล่างรอส่งแจ็คสัน ไม่นานนักรถคันคุ้นตาก็แล่นออกนอกบริเวณพื้นที่สู่ถนนกว้าง แต่สิ่งทำให้เธอถึงกับรีบถอยตัวเองกลับเข้าไปในห้องคือรถอีกคันที่จอดนิ่งอยู่ด้านนอกถนน
“ฮัลโหล... พี่แจ็คสัน! วางไปหรือยังคะ ยังอยู่ไหม!?”
“ว่าไงครับกอหญ้า... เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”   อีกฝั่งถามอย่างเป็นห่วงเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนและดูตื่นตระหนก
“กลับมาค่ะ พี่แจ็ควนรถกลับมารับกอหญ้า เดี๋ยวนี้เลย!”
“ครับๆ รอพี่ 10 นาที”
แม้จะไม่รู้เรื่องราวอะไรละเอียดนักแต่แจ็คสันก็วนรถกลับไปทันทีเช่นกันด้วยความเป็นห่วงเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ออกจากปากเธอสักครั้ง ระยะเวลาสิบนาทีไม่ขาดไม่เกินคนที่ถูกเรียกมาก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องก่อนจะโทรศัพท์เข้าไปคนด้านใน
ชั่วอึดใจเดียวประตูบานหนาก็เปิดออกและพบกับกอหญ้าที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ทว่าที่น่าแปลกใจคือเธอมีกระเป๋าขนาดไม่ใหญ่มากนักวางอยู่ที่พื้นข้างตัวซึ่งคราวนี้แจ็คสันจะไม่เอ่ยถามถึงสาเหตุก็คงจะไม่ได้แล้ว 
“นี่มันอะไรกัน... เป็นอะไร?”
เขาเอ่ยถามขณะที่ดันร่างบางให้กลับเข้าไปคุยกันดีๆ ด้านใน และดูเหมือนว่าแม้เธอจะเตรียมคำตอบไว้แล้วทว่าก็ยังมีท่าทีอึกอัก
“กะ.. ก็.. เอ่อ... เหมือนหญ้าจะเห็น เอ่อ.. นักข่าว รู้สึกไม่ค่อยดีเลยไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว”
แจ็คสันมีสีหน้าคิดหนักขึ้นมาทันทีเพราะหากเป็นนักข่าวจริงการพากอหญ้าไปค้างที่บ้านหรือโรงแรมก็อาจจะเป็นเรื่องอีก และแน่นอนเธอไม่เลือกที่จะกลับบ้านตัวเอง ร่างหนาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะลุกไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่มาถือไว้

ถนนหนทางที่ค่อนข้างคุ้นตาทำให้หญิงสาวหันมองคนที่กำลังขับรถอยู่ด้วยความแปลกใจ เธอไม่นึกว่าเขาจะพาเธอมาที่นี่
“อยู่ที่นี่แหละ ปลอดภัยที่สุด”  เขาหันมาบอกเมื่อเห็นเธอทำท่าจะค้าน
หญิงสาวเม้มปากเงียบสนิทในทันทีราวกับกำลังครุ่นคิด แจ็คสันยกยิ้มมุมปากอย่างนึกขันที่เห็นคนช่างเอาแต่ใจสงบได้แม้ดูไม่ค่อยเต็มใจนักทั้งที่ปกติน้อยครั้งนักจะยอม
ทันทีที่พบหน้าลูกชายเจ้าของบ้านกระเป๋าในมือก็ถูกโยนให้จนเจ้าตัวเกือบรับไม่ทันทว่าทำเอาร่างบางที่เดินตามหลังถึงกับสะดุ้งกับการทักทายอันแสนประหลาดของคนทั้งคู่
“ไงเรา..? คิดถึงพี่เหรอ?”
“อย่าเยอะไอ้เจบี... ออกนอกหน้าเกินไปละ”   แจ็คสันปรามเพื่อนซึ่งหน้าเพราะรู้สึกได้ว่าเจบีมีท่าทางดี๊ด๊าเกินเหตุ
“อิจฉารึไง?”  เจบีเหล่มอง
“หุบปากไปเลย!”   แจ็คสันโต้
กอหญ้ามองสองคนที่เหน็บแนมกันอย่างเอือมๆ ก่อนจะถอยออกจากศึกสาดน้ำลายของคนคู่นี้แล้วเดินไปหาเจ้าของบ้านผู้สูงวัยที่เพิ่งก้าวลงมาจากบันไดแทน หญิงสาวกล่าวทักทายเล็กน้อยและเดินหนีขึ้นชั้นบนไปพร้อมคุณอิมโดยที่ทิ้งบรรยากาศปั่นป่วนไว้เบื้องหลัง
“คืนนี้กูจะนอนนี่แหละ!”  แจ็คสันสรุปเอาหน้าด้านๆ
“ห้องเต็ม”  เจบีตอบหน้าตาย
“อย่ากวนตรีนครับพี่บี... พี่แจ็ครู้ว่าบ้านพี่บีห้องรับรองแขกเพียบ”
“ปรับปรุงอยู่”
“โห... มึงนี่แม่ง!”  แจ็คสันสบถด้วยความเหลืออดในความกวนประสาท
“เออๆๆๆ... ห้องน่ะมีก็ห้องเดิมของมึง แต่เพิ่งแก้ข่าวไปวันนี้แล้วจะมาเป็นข่าวอีกโดยใช้สถานที่บ้านกูก็เอา แล้วแต่เลย...”   เจบีทำเป็นยอมไปแกนๆ เพราะความระอาใจ ทว่ามันกลับได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ
“กลับก็ได้เว้ย! ฝากคู่หมั้นกูด้วย อย่าคิดอกุศลเป็นอันขาด... เข้าใจ๊!?” แจ็คสันยกนิ้วขึ้นชี้หน้าพร้อมสำทับ
“ว่า.. ที่.. คู่.. หมั้น..!”   เจบีเอ่ยย้ำทีละคำ ทำเอาแจ็คสันชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิดก่อนจะหันหลังก้าวฉับไปที่รถเพื่อขับกลับบ้าน

หนุ่มเจ้าของผมสีบรอนด์ผู้เป็นลูกชายเจ้าของบ้านโบกมือหยอยๆ ไล่หลังรถเพื่อนอย่างสมใจทั้งที่ยังกอดกระเป๋าใบพอประมาณที่ถูกโยนให้ตั้งแต่แรกไว้ในอ้อมแขน ทว่าเมื่อหันกลับมาก็พบว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ชั้นล่าง

เอ่อ... เสียเวลาไล่แจ็คสันตั้งนาน แต่ดันถูกทิ้งไว้ให้ว้าเหว่เสียนี่

...ซึ้งเลย


50%


เข้าวันที่สามในการต้อนรับแขกของบ้านตระกูลอิมเจบีเองก็เริ่มรู้สึกสนิทกับกอหญ้ามากขึ้นเพราะตื่นเช้ามาก็เจอที่โต๊ะอาหารแถมยังมีการทำกิจกรรมยามว่างด้วยกัน แต่เขาก็เหมือนได้ยินเสียงคล้ายตัวเองกำลังตกกระป๋องอย่างไรก็ไม่รู้แฮะเพราะคุณอิมดูจะสนใจหลานสาวเป็นพิเศษจนลูกชายเช่นเขาชักเริ่มอิจฉานิดๆ

ส่วนแจ็คสันน่ะหรือ... ก็มาเป็นก้างทุกวันตามคาด

... และวันนี้ ก็ไม่พลาด

ร่างหนาของแจ็คสันเดินถือจานขนมที่เจ้าตัวยังไม่ละมือในการทยอยส่งชิ้นขนมนั้นเข้าปากจากศาลาแปดเหลี่ยมสีครีมทรงสวยในสวนออกมานั่งข้างสระเลี้ยงปลาเล็กๆ เพราะถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว เมื่อกอหญ้านั้นออกไปเอาโทรศัพท์มือถือที่ลืมไว้ในห้องนอนส่วนเจบีออกไปธุระแถวนั้น ลมอ่อนๆ ที่พัดผ่านปะทะใบหน้าทำเอาคนหนังท้องตึงชักจะเริ่มหนังตาหย่อนเสียอย่างนั้น
จานขนมถูกนำกลับมาวางที่โต๊ะในศาลาอีกครั้ง ร่างหนาเอนตัวลงนอนเหยียดยาวที่เก้าอี้ของศาลาสองมือประสานกันที่ท้ายทอยและหลับตาลงอย่างสบายใจ
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้แต่สัมผัสเปียกและเย็นบนใบหน้าทำให้แจ็คสันรู้สึกตัว พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าหวานยิ้มขำพร้อมกับในมือถือหลอดสีใสเอาไว้โดยที่ปลายหลอดมีหยดน้ำเล็กๆ อยู่เขานึกรู้ได้ทันทีว่ากำลังถูกแกล้ง
“สนุกนักใช่ไหม?”   แจ็คสันลุกขึ้นแล้วถามเสียงต่ำแต่สายตาเจ้าเล่ห์จนคนถูกถามต้องถอยหนีด้วยเห็นวี่แววว่าจะถูกเอาคืน
“ก็... สนุกดี แต่ไม่อยากเล่นแล้ว”   ร่างบางพูดพลางเดินอ้อมไปอยู่อีกฝั่งโดยมีโต๊ะคั่นกลาง อย่างน้อยก็รู้สึกปลอดภัยกว่า
“ชนแล้วหนีเหรอ? ง่ายเกินไปหน่อยนะสาวน้อย...”   มือหนาคว้าแก้วน้ำตรงหน้ามาถือไว้แล้วสาวเท้าเข้าใกล้ส่วนคนรู้ตัวก็ขยับหนีจนเป็นวงรอบศาลา
“เดี๋ยวโทรเรียกประกันมาเคลียร์ละกัน!”
กอหญ้าเตรียมตัววิ่งเต็มที่ทว่าเมื่อหันหลังไปก็บังเอิญชนเข้ากับอกแกร่งของบุคคลผู้มาใหม่ที่เพิ่งก้าวถึงบนศาลาจนตัวเองแทบหงายจนต้องคว้าเอวบางเอาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหวานเงยมองเขาก่อนจะรีบผละตัวออกเมื่อเห็นว่าคนนั้นเป็นใคร

ปึ้ก...!

หมับ!

“ปล่อยเลยไอ้เจบี! เดี๋ยวกูเอาหลอดฟาดนิ้วหัก!”   แจ็คสันส่งเสียงพร้อมเงื้อหลอดดูดน้ำสีใสในมือตั้งท่าเตรียม
“กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”   เจบียกสองมือขึ้นทำเป็นไม่รู้เรื่องก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย
“ตั้งโต๊ะอาหารเสร็จแล้วไปกันดีกว่า ปล่อยไอ้โหดนี่ไว้ตรงนี้แหละ”
“โห.. ไอ้นี่! เผลอไม่ได้เลย ไปด้วยเซ่!”  แจ็คสันตะโกนไล่หลังและรีบเดินตามทั้งคู่ไป

สวนหย่อมบนระเบียงชั้นสองของบ้านในเวลายามกลางคืนยังมีแขกคนเดียวของบ้านอิมนั่งเล่นโดยมีท่าทางคล้ายคิดอะไรบางอย่างอยู่ มือบางกระชับผ้าพันคอสีเข้มเข้ากับตัวผมนุ่มที่เริ่มยาวเลยบ่าลงมามากแล้วปลิวตามสายลมอ่อนที่พัดโชย
“มานั่งทำเอ็มวีอะไรแถวนี้?”  ลูกชายเจ้าของบ้านเอ่ยทักพลางเดินไปนั่งที่ชิงช้าไม้สีขาวข้างประตูกระจก
กอหญ้าไม่ได้ตอบ เธอเพียงแค่หันไปมองและกระพริบตาปริบๆ ราวกับตั้งคำถามทำให้คนที่คุยด้วยต้องเดาเอาเองเสียนี่
“เรื่องแจ็คสันใช่ไหม?”  สุดท้ายบทสนทนาเริ่มแรกก็ยังเป็นคำถาม
“พี่แจ็คสันเกี่ยวอะไร?”   คนฟังถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย
“ชอบมากเลยเหรอ? หมายถึง... แจ็คสันน่ะ กอหญ้าชอบแจ็คสันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“แบบนี้จะให้โอกาสคนอื่นไหม?”  ความอยากรู้บังคับให้ต้องพูดทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจไว้ แต่เพราะความรู้สึกในใจบอกว่ากอหญ้าเอนเอียงไปทางแจ็คสันมากทีเดียว
“ก็ต้องให้โอกาสพี่แจ็คสันด้วย...”  เธอเอ่ยเรื่อยๆ ทว่ากระจ่างแจ้ง
“เข้าใจละ...”
กำแพงที่ใช้กั้นความรู้สึกจากเจบีถูกสร้างขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เขาคงไม่รู้หรอกว่าเธอพยายามพังกำแพงนั้นมากแค่ไหนแต่มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้กำแพงนั้นแข็งแรงกว่าปกติ... เธอรู้ตัวดีว่ามันคือความรู้สึกระหว่างเธอกับแจ็คสันถึงแม้มันไม่เหมือนเดิมแต่ก็ใช่ว่าจะลบเลือนหรือเทียบเท่าได้ง่ายดาย

จนบางที... ก็นึกโกรธตัวเอง

ทั้งที่แจ็คสันทำให้เสียใจตั้งเยอะ... แต่ก็ยังให้โอกาสเขา

แท้ที่จริง... เธอให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้เขาต่างหาก

หากถามความรู้สึกจริงๆ... กอหญ้าเองก็ชอบเจบีด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ไม่เคยเปรียบเทียบว่ารู้สึกกับใครมากกว่ากันก็เท่านั้น

ส่วนเจบีก็ไม่ได้คิดมากกับคำอธิบายนั้น... เขารู้ตัวเองดีว่ามาทีหลังแถมยังเคยไม่ถูกกันมาก่อนถ้าอยู่ดีๆ จะโผล่เข้ามาแทรกกลางและรักกันหวานชื่นก็คงเป็นเรื่องแปลกไปเสียหน่อย ถึงจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและกอหญ้ามันจะพิเศษกว่าปกติก็ไม่ได้ทำให้ถือไพ่เหนือกว่าเพื่อนสนิทของตัวเองสักนิด
สำหรับเจบี... เธอเป็นผู้หญิงซับซ้อน หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ผู้หญิงเป็นเพศที่ซับซ้อนจนบางครั้งก็น่าปวดหัว... ขึ้นอยู่กับความมากน้อยที่ต่างกัน

“รีบเข้าบ้านล่ะ... ตากน้ำค้างตอนค่ำนานๆ เดี๋ยวเป็นหวัด”   เจบียกมือขึ้นโคลงศีรษะของหญิงสาวเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น แต่เขาได้คำถามกลับมาแทน
“รีบไปไหนล่ะคะ?” 
“ทำไมล่ะ?”   เจบีไม่เข้าใจ
“อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนไม่ได้เหรอคะ กอหญ้าไม่มีงานตั้งอาทิตย์นึงเชียวนะ นี่เพิ่งผ่านไปสามวัน... เบื่อจะแย่”
“เหรอออออ?”    เจบีแซวยิ้มๆ เขารู้ว่าที่จริงไม่ใช่เบื่อที่ไม่ได้ทำงานแต่คงเบื่อเพราะไม่ได้ออกไปนอกรั้วบ้านเลยต่างหาก ... ยัยคุณหนูกอหญ้าหลานของท่านประธานอิมเนี่ยชอบออกไปเดินเล่นจะตาย
“ไม่เชื่อเหรอ?”    ตาคู่สวยเหล่มองด้วยสีหน้างอนๆ ซึ่งทำเอาเจบีถึงกับงง
“นี่อย่าบอกนะว่าอ้อนเนี่ย...”
“อะไรล่ะ... ไม่ใช่ซะหน่อย”  เธอย้อนเสียงขุ่น
“นี่ๆๆๆ... ลืมหรือเปล่าว่าพี่น่ะ.. อิมแจบอมนะ ไม่ใช่หวังแจ็คสัน”   เจบียังคงทำท่าตื่นตกใจจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับพรูลมหายใจ... บางทีตอนนี้ก็ยังไม่อยากคุยเรื่องแจ็คสันนะ
“พูดมากจริงๆ เลย...” 
“พี่ผิด?”
“ใช่!”   ถามง่ายก็ตอบง่าย... ดีนะ
“แล้วให้ทำไง?”   เจบียังถามต่อ แต่คำตอบทำเอาคิ้วเข้มต้องขมวดเข้าหากัน
“อยู่เฉยๆ ก็พอ”
กอหญ้ายิ้มแสนซนให้คนหน้านิ่วก่อนจะเปลี่ยนท่านั่งมาหันหลังพิงแขนเจบีและอิงศีรษะมนลงที่ไหล่ของเจบีพร้อมยกขาเรียวขึ้นวางบนชิงช้าไม้เธอส่งสายตามองท้องฟ้าสีเข้มเงียบๆ
“แค่นี้น่ะเหรอ...”  เจบีจัดท่านั่งตัวเองให้อยู่ในท่าสบายพอจะรับน้ำหนักได้อย่างไม่เมื่อยแล้วเอ่ยถาม
“แค่นี้แหละค่ะ ขอยืมหน่อย”
“ถือว่าพี่แถมให้แล้วกัน...”
            เจบีขยับตัวให้หญิงสาวพิงหลังมาที่แผ่นอกแทนที่จะเป็นท่อนแขนเหมือนตอนแรก ศอกหนาวางเกยพนักของชิงช้าไม้เอาไว้และเลื่อนมือมาสัมผัสผมนุ่มของกอหญ้าเล่นซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร
            ความอบอุ่นและอ่อนโยนของเจบีทำเอาหญิงสาวลอบยิ้ม ทั้งคู่คุยเล่นกันโดยมีเสียงหัวเราะแทรกด้วยเสียงเถียงกันเป็นระยะจนเวลาล่วงไปจนดึก

สุดท้ายก็เป็นคุณอิมผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่ออกมาจากห้องนอนพร้อมแฟ้มเอกสาร คนสูงอายุมองเวลาเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงไปทางสวนหย่อมเล็กและจัดการไล่ลูกชายและหลานสาวคนสวยไปนอนได้สำเร็จเพราะเกรงว่าทั้งคู่จะป่วยด้วยช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็น

เจบีมาส่งกอหญ้าหน้าห้องโดยมีสายตาของคุณอิมมองอยู่ไกลๆ ทำให้เขาเองไม่กล้าดึงเวลามากนักเพราะเกรงใจซึ่งเขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“ฝันดีนะ พี่ไปหละ”
กอหญ้ายิ้มรับพร้อมกับปิดประตูลงไม่ลืมก้มศีรษะให้คุณลุงอิมของเธอเล็กน้อย ร่างบางเดินมานั่งบนที่นอนนุ่มก่อนจะหยิบกุญแจรถของตัวเองขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้าและเอ่ยเบาๆ ราวจะส่งคำขอไปถึงคนบนฟ้า

“คุณพ่อคะ... กอหญ้าอยากได้คนที่ดี เข้าใจ และทำให้รู้สึกอบอุ่นได้พอๆ กับคุณพ่อค่ะ ช่วยกอหญ้าตามหาคนคนนั้นด้วยนะคะ”


TBC...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น